บัลติมอร์ เรฟเวนส์ โกงความตายครึ่งหลัง เอาชนะ อินเดียนาโปลิส โคลท์ส ช่วงต่อเวลาพิเศษ 31-25 ด้วยการขว้างทัชดาวน์ระยะ 5 หลาของ ลามาร์ แจ็คสัน ควอเตอร์แบ็ก ให้ มาร์ควิส บราวน์ ปีกนอก ในศึกอเมริกันฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) "มันเดย์ ไนท์" ที่สนาม เอ็ม แอนด์ ที แบงค์ สเตเดียม วันอังบคารที่ 12 ตุลาคม
แจ็คสัน ขว้างระยะสูงสุดตลอดอาชีพ 442 หลา 4 ทัชดาวน์ รวม 2 สกอร์ระยะสั้นๆ และการเล่นคอนเวอร์ชัน 2 คะแนน 2 ครั้ง ให้ มาร์ค แอนดรูว์ส ไทต์เอนด์ เฉพาะควอเตอร์ 4 คัมแบ็กจากตามอยู่ 9-25
เรฟเวนส์ รอดพ้นความปราชัยวินาทีสุดท้ายของเกม โรดริโก แบลงเคนชิป ตัวเตะ โคลท์ส พลาดฟิลด์โกลระยะ 47 หลา จึงต้องตัดสินกันช่วงต่อเวลา
ทีมของ จอห์น ฮาร์บอห์ หยุดสถิติวิ่ง 100 หลา ไว้ที่ 43 เกมรวด และดูเหมือนว่าจะตกที่นั่งลำบาก หลัง แจ็คสัน เสียฟัมเบิล (ทำบอลหลุดมือ) บริเวณเส้นประตูช่วงควอเตอร์ 3 ทว่านับตั้งแต่เทิร์นโอเวอร์นั้น บัลติมอร์ ทำ 4 ทัชดาวน์ ตลอดการครองบอล 4 ชุดสุดท้าย
การเตะทำคะแนนของ โคลท์ส กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ แบลงเคนชิป พลาด เอ็กซ์ตรา พอยน์ท ช่วงควอเตอร์ 3 และถูก คาเลส แคมป์เบลล์ บล็อกฟิลด์โกล 37 หลา ขณะขึ้นนำ 25-17 เปิดโอกาสแก่ บัลติมอร์ ต่อลมหายใจ
แจ็คสัน จบการเล่น 11 เพลย์ ระยะ 75 หลา ด้วยการขว้างทัชดาวน์ 4 หลา ให้ แอนดรูว์ส เหลือเวลา 39 วินาที และปาบอลให้ แอนดรูว์ส ทำคอนเวอร์ชัน 2 คะแนน ตีเสมอ 25-25
อินเดียนาโปลิส บุกมาถึงระยะเตะฟิลด์โกล หลัง ทาวอน ยัง ถูกกรรมการโยนธงข้อหาเล่นรุนแรงโดยไม่จำเป็น ช่วง 13 วินาทีสุดท้าย ทว่า แบลงเคนชิป เตะหลุดเสาซ้ายมือ สถิติหลนเหลือ ชนะ 1 แพ้ 4
เกมนี้ คาร์สัน เวนท์ซ ควอเตอร์แบ็ก โคลท์ส ขว้างระยะสูงสุดของอาชีพ 402 หลา 2 ทัชดาวน์ โจนาธาน เทย์เลอร์ รันนิงแบ็ก รับบอลทำสกอร์ระยะ 76 หลา ช่วงต้นควอเตอร์ 1 และตะลุยเข้า เอนด์โซน ช่วงควอเตอร์ 3 นำห่าง 22-3
ส่วน เรฟเวนส์ แชมป์ ซูเปอร์โบว์ล 2 สมัย ขยับสถิติเป็น ชนะ 4 แพ้ 1 ขึ้นจ่าฝูงดิวิชัน เอเอฟซี (AFC) เหนือ หลัง คลีฟแลนด์ บราวน์ส กับ ซินซินเนติ เบงกอลส์ พบความปราชัยทั้งคู่ ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา (10 ต.ค.)