ฮาติซ เซนกิซ ออกโรงวิพากษ์วิจารณ์ พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ที่เปิดไฟเขียวให้กลุ่มทุนจากซาอุดิอาระเบีย ซึ่งถูกโยงว่าเป็นผู้บงการสังหาร จามาล คาช็อกกี นักข่าวและสามีของเธอ เข้าฮุบกิจการ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด แบบไม่สนความถูกต้องและจริยธรรม
คาช็อกกี ถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยมเมื่อปี 2018 ที่กงสุลของซาอุดิอาระเบีย ในตุรกี หลังนำเสนอบทความวิจารณ์การทำงานของรัฐบาลซาอุฯ โดยมี โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน เจ้าชายของประเทศซาอุฯ ตกเป็นผู้ต้องหาว่าอยู่เบื้องหลังการสังหาร
แม้คดียังไม่คลี่คลายและยังคลุมเครือ เซนกิซ คู่หมั้นหญิงของ คาช็อกกี ที่พยายามเรียกร้องความเป็นธรรมแก่คนรักมาตลอด กล่าวรู้สึกรับไม่ได้ที่กลุ่มคนที่คาดว่ามีส่วนในการปลิดชีวิตคนรัก กลายเป็นเจ้าของทีมฟุตบอล นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด รายใหม่
กลุ่มทุน พับลิค อินเวสต์เมนต์ ฟันด์ ที่มีเจ้าชาย บิล ซัลมาน อยู่เบื้องหลัง เข้าเทคโอเวอร์ "สาลิกาดง" ด้วยเงิน 300 ล้านปอนด์ (ประมาณ 13,830 ล้านบาท) หลังได้ไฟเขียวจาก พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ แต่ท่ามกลางความยินดีของสาวก "ทูน อาร์มี่" เซนกิซ ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงยอมให้กลุ่มทุนมือเปื้อนเลือดเป็นเจ้าของกิจการทีมฟุตบอลได้
"ดูเหมือนว่าพวกเขา (สาวก นิวคาสเซิล) ไม่สนใจเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับ จามาล พวกเขาสนใจแค่อนาคตทางการเงินเท่านั้น ฉันอยากเตือนพวกเขาว่ามันมีบางสิ่งที่สำคัญกว่าเงิน สำคัญกว่าสถานการณ์การเงินของทีม ชาวอังกฤษทุกคนควรส่งข้อความไปบอกว่าพวกเขาว่าไม่ควรซื้อทีมฟุตบอลอังกฤษทั้งที่เกี่ยวพันกับคดีอาชญากรรม" เซนกิซ ระบาย
นอกจากนี้ กลุ่มสิทธิมนุษยชนก็แสดงความกังวลถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มทุนผู้กลายเป็นเจ้าของใหม่ในถิ่น เซนต์ เจมส์ พาร์ค ซึ่ง มาดาวี อัล-ราชีด ศาตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ประจำกรุงลอนดอน มองว่า เจ้าชาย บิน ซัลมาน จะมีส่วนร่วมกับการบริหารทีมอย่างแน่นอน และจะใช้การบริหารกีฬามาล้างมลทินเรื่องการสังหาร คาช็อกกี แก่ตัวเอง
