“บิ๊กชาย” สมชาย พูลสวัสดิ์ ประธานเทคนิคสมาคมกีฬามวยฯ เตรียมแก้จุดอ่อนกำปั้นไทย ก่อนลุยเอเชี่ยนเกมส์ 2022 ที่หางโจว ประเทศจีน และโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่ฝรั่งเศส วางแผนส่งนักชกชาย-หญิงเก็บเกี่ยวประสบการณ์ต่างแดนให้มากที่สุดเพื่อสร้างความแข็งแกร่ง
หลังจากทีมมวยเสื้อกล้ามไทยสามารถคว้าโควตามาลุยโอลิมปิกเกมส์ 2020 ได้ถึง 5 คน แต่สามารถเดินทางมาแข่งได้ 4 คนเนื่องจาก “เจ้าเหลิม” ธิติสรรณ์ ปั้นโหมด นักชกความหวังเกิดอุบัติเหตุระหว่างการฝึกซ้อม เอ็นไขว้หัวเข่าซ้ายฉีกขาดต้องเข้ารับการผ่าตัด ซึ่งผลงานโดยรวม “น้องครีม” ใบสน มณีก้อน ผ่านเข้ารอบ 16 คน ส่วน “น้องเฟี้ยว” จุฑามาศ จิตรพงศ์ กับ “เจ้าสด” ฉัตร์ชัยเดชา บุตรดี เข้ารอบ 8 คน และ “น้องแต้ว” สุดาพร สีสอนดี สร้างประวัติศาสตร์ได้เหรียญทองแดงครั้งแรกของมวยเสื้อกล้ามไทยนั้น
“บิ๊กชาย” นายสมชาย พูลสวัสดิ์ ผู้จัดการทีมและประธานพัฒนาเทคนิคสมาคมกีฬามวยฯ กล่าวว่า ถ้าพูดถึงภาพรวมถือว่าพอใจมาก เรามา 4 คนสามารถเข้ารอบลึกๆ ได้ทุกคนนับว่ายอดเยี่ยมแล้ว เพราะนักชกหญิงอีก 2 คน “เฟี้ยว กับ ครีม” ถือเป็นดาวรุ่งหน้าใหม่ที่น่าติดตามและมีอนาคตไกลสามารถเป็นความหวังในเอเชี่ยนเกมส์ 2022 ที่หางโจว ประเทศจีน และโอลิมปิกเกมส์ 3 ปีข้างหน้า “ปารีสเกมส์ 2024” เชื่อประสบการณ์และบทเรียนอันล้ำค่าจากครั้งนี้จะพัฒนาให้ทุกคนกล้าแกร่งมากยิ่งขึ้น
ประธานพัฒนาเทคนิค กล่าวอีกว่า แม้ว่าขณะนี้สถานการณ์ของไวรัสโควิด-19 ยังเป็นปัญหาที่หนักหน่วงซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะคลี่คลายหรือหมดไปเมื่อไหร่ และก็เชื่อว่าอีกหลายชาติก็คงประสบปัญหาเดียวกับเรา แต่นั้นก็ไม่ใช่หนทางที่จะหยุดความฝันหรือความคิดที่จะพัฒนาวงการมวยของไทยได้ การมาโอลิมปิกเกมส์หนนี้ตนได้อะไรกลับไปหลายอย่าง โดยเฉพาะการทำอย่างไรจะทำให้มวยสากลของไทยประสบความสำเร็จมากขึ้นกว่าเดิม
ผู้จัดการมวยโตเกียวเกมส์ กล่าวอีกว่า อย่างแรกที่ตนมองไว้สำหรับ “ปารีสเกมส์ 2024” คือต้องคว้าโควตามาให้ได้มากที่สุด และจะต้องเร่งพัฒนานักชกที่มีอยู่ในทีมชาติให้กล้าแกร่ง โดยเฉพาะเยาวชนรวมถึงดาวรุ่งอีกหลายคนที่จะกำลังจะก้าวขึ้นมาทดแทนนักชกรุ่นพี่ที่ปลดระวาง ที่สำคัญที่สุดการส่งนักมวยทั้งชายและหญิงออกไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์สร้างกระดูกมวยในต่างประเทศให้มากที่สุด
อย่างไรก็ตามกลับไปต้องเร่งหารือกับ “บิ๊กบางจาก” พิชัย ชุณหวชิร นายกสมาคมกีฬามวย เพื่อหาแนวทางพัฒนานักชกไทยอย่างต่อเนื่อง หากการเดินทางไปต่างประเทศยังยากลำบากด้วยเรื่องสถานการณ์โควิด คงต้องจัดทัวร์นาเม้นท์นานาชาติในไทย ภายใต้มาตการที่เข้มขนแบบ “บับเบิ้ล” ด้วยการเชิญทีมต่างชาติที่มีศักยภาพมาร่วม โดยเฉพาะอุซเบกิสถาน คาซัคสถาน ที่ถือเป็นมหาอำนาจวงการกำปั้นในเวลานี้ หากเรามีทัวร์นาเม้นท์ให้นักชกไทยได้ลับคมอยู่ตลอดเชื่อว่าความหวังในการลุ้นเหรียญทองคงไม่ไกลเกินเอื้อม “โอลิมปิกเกมส์ 2018” ที่บราซิล เราไม่มีเหรียญกลับมา แต่ครั้งนี้เราเริ่มหันมาเก็บเกี่ยวได้อีกครั้งเชื่อว่าน่าจะเป็นนิมิตรหมายอันดีสำหรับสมาคมกีฬามวยสากลแห่งประเทศไทย “บิ๊กชาย” กล่าวตอนท้าย