คอลัมน์ สกอร์บอร์ด โดย แมวดำ
มหกรรมโอลิมปิก 2020 รอบนี้ กว่าจะจัดกันได้ ต้องรอกันนานกว่าปกติ เพราะรอถึง 5 ปี แทนที่จะเป็น 4 ปี ตามปกติ มันก็เพราะโควิด-19 นั่นแหละ ซึ่งถึงตรงนี้เห็นแล้วว่าผลงานของนักกีฬาทีมชาติไทย ได้แน่ๆ 1 เหรียญทอง จาก "น้องเทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ กับ 1 เหรียญทองแดง "น้องแต้ว" สุดาพร สีสอนดี กีฬาความหวังที่เหลือคือ กอล์ฟหญิง หากมองจากผลงาน 2 วันแรกคงหวังเหรียญยาก แต่อย่างไรเสียคงต้องให้กำลังใจกันต่อไป
ถามว่าถ้าได้มา 2 เหรียญโอลิมปิก ครั้งนี้จริงจะล้มเหลวหรือเปล่า บอกตามตรงส่วนตัวเชื่อว่าไม่หรอก เพราะก่อนไปแข่งขันก็มีการตั้งเป้าไว้ที่ 1-3 เหรียญทอง ตอนนี้ถือว่าเข้าเป้าแล้วหละ เนื่องจากเหรียญที่ได้จาก "น้องเทนนิส" ที่ถือเป็นมือ 1 ของโลกอยู่แล้ว และเกือบจะแพ้เอาในนัดชิงชนะเลิศเสียด้วย ดีที่ตัวน้องสมาธิดีมาก 7 วินาทีสุดท้ายพลิกขึ้นนำจนชนะได้ ขณะที่นักกีฬาแบดมินตัน หญิงเดี่ยว อย่าง รัชนก อินทนนท์ หรือ คู่ผสม “บาส-ปอป้อ”เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย ถือว่าเป็นนักกีฬาที่มีลุ้น แต่เมื่อไม่ได้ ก็ไม่แปลก เพราะคู่ต่อสู้แต่ละชาติต่างแพ้ชนะกันได้ทุกเมื่อ
เห็นผลงานของทีมชาติไทยแล้ว ลองหันไปมองเมียงทัพนักกีฬาอาเซียนดูบ้าง ถึงวันที่ 5 สิงหาคม ที่ผ่านมา
อันดับ 43 อินโดนีเซีย 1 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน 3 เหรียญทองแดง
อันดับ 46 ฟิลิปปินส์ 1 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง
อันดับ 54 ไทย 1 เหรียญทอง 1 เหรียญทองแดง
อันดับ 80 มาเลเซีย 1 เหรียญทองแดง
แยกย่อยเหรียญทอง "อิเหนา" เบอร์ 1 อาเซียน ใน "โตเกียวเกมส์" 1 เหรียญทองจากแบดมินตัน หญิงคู่ ส่วนที่เหลือมาจากยกน้ำหนักล้วนๆ ขณะที่ "ตากาล็อก" รอบนี้ได้ 1 เหรียญทองจาก ยกน้ำหนัก หญิง และเหรียญทองแรกที่ต้องรอนานถึง 97 ปี ส่วน 1 เหรียญเงิน และ 1 เหรียญทองแดงได้จากกีฬามวยสากลสมัครเล่น
ที่สำคัญ ฟิลิปปินส์ เพื่อนบ้านของเรายังมีลุ้นอีก 1 เหรียญทอง จากกีฬามวยสากลสมัครเล่นชาย รุ่นฟลายเวท น้ำหนัก 48-52 กิโลกรัม เมื่อ คาร์โล ปาลัม วัย 23 ปี ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศกับ กัลอัล ยาไฟ จากสหราชอาณาจักร วันเสาร์ที่ 7 สิงหาคมนี้ ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ เขาจะทำให้ชาติของตัวเองขึ้นนำเป็นเบอร์ 1 อาเซียน ในตารางเหรียญโอลิมปิกครั้งนี้ทันที
ส่วน มาเลเซีย คราวนี้ได้มา 1 เหรียญทองแดง จากแบดมินตัน ชายคู่ แต่ที่หนักสุดดูเหมือนจะเป็น เวียดนาม กับ สิงคโปร์ ปรากฎว่ารอบนี้ไม่มีเหรียญรางวัลติดมือกันเลย แน่นอนว่าโดนสื่อสวดกันยับทั้ง 2 ชาติ เอาไว้ไปแก้ตัวกันใหม่ในโอลิมปิก 2024 ที่ปารีส ก็แล้วกัน