xs
xsm
sm
md
lg

ช่วงนี้..ขิงข่ามาแรง...แพงระเบ้อ.!! / พลโทนายแพทย์ สมศักดิ์ เถกิงเกียรติ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



คอลัมน์ “Golf Healing” โดย “พลโทนายแพทย์ สมศักดิ์ เถกิงเกียรติ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกประจำโรงพยาบาลพระมงกุฎ และ โรงพยาบาลรามคำแหง มีประสบการณ์ในการดูแลผู้ป่วยมากกว่า 30 ปี somsak_doctor@hotmail.com”
“เฮียกินข้าวกับอะไรครับ..?” พี่หมอเอ่ยทักคุณชูสง่า ขณะนั่งรับประทานข้าวเย็น

“ไก่ผัดขิง..อร่อยนะ มากินด้วยกันสิ.. ซ้อเค้าผัดไว้เยอะเลย” เฮียกล่าวเชิญ

“เอ๊...เมื่อเช้าก็ผัดขิงไม่ใช่หรอครับ..ไม่เคยเห็นเฮียกินซ้ำนะ ซ้อไม่ทำอย่างอื่นให้กินบ้างหรอครับ”

“ซ้ำอะไร เมื่อเช้าหมูผัดขิง เย็นนี้ไก่ผัดขิง..อร่อยเหมือนกัน”

“เอ๊..!! ทำไมช่วงนี้เฮียอยากกินขิงก็ไม่รู้นะ วันนี้ก็น้ำขิงแทนกาแฟทั้งวัน” คุณชูสง่างงกับตัวเอง

“อ๋อ..ผมรู้ละ คงเป็นเพราะก่อนหน้านี้เฮียกินฟ้าทะลายโจร ซึ่งมีฤทธิ์เย็นไปมาก ร่างกายเลยต้องการสารที่มีฤทธิ์ร้อน เพื่อบาลานซ์กันตามธรรมชาตินะ”

“เก่งรู้แล้วว่าทำไมขิงถึงแพงช่วงนี้” เจ้าเก่งซึ่งนั่งอยู่นานไปไม่มีใครสังเกต ขอมีส่วนร่วมบ้างกันลืม “ที่แท้ก็ซ้อนี่เองกวาดมาซะเกลี้ยงตลาด”

“แล้วกินมาก ๆ จะเป็นไรมั๊ยเนี่ย” เฮียถามด้วยความสงสัยให้พี่หมอไขความจริง

ขิง เป็นสมุนไพรที่คนเอเชีย นำมาใช้เพิ่มรสชาติให้แก่อาหาร ตลอดจนนำมาดื่มเพื่อสุขภาพ ซึ่งเรามาดูประโยชน์ของขิงกันดีกว่า ขิงเป็นสมุนไพรที่มีสาระสำคัญได้แก่ จิงเจอรอล (Gingerol), โชกาออล (Shogaol), ซิงจิเบอรีน (Zingiberene), วิตามิน และแร่ธาตุต่าง ๆ โดยขิงถูกใช้เป็นยาสมุนไพรจีนมาแต่โบราณ จากประโยชน์ของสารต่าง ๆ ดังนี้ คือ จิงเจอรอล ซึ่งเป็นสาระสำคัญที่ช่วยลดอาการคลื่นไส้ วิงเวียน, โชกาออล ซึ่งมีฤทธิ์ในการระงับปวด ช่วยลดอาการปวดข้อ และช่วยป้องกันโรคมะเร็งและหัวใจ และซิงจิเบอรีน ซึ่งจะช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดี ช่วยป้องกันโรคเบาหวาน และเสริมสร้างการทำงานของสมองและระบบภูมิคุ้มกัน เป็นต้น การรับประทาน อาจเป็นเครื่องดื่มหรือปรุงอาหาร โดยรับประทานในปริมาณ 1.5 ลูกบาศก์เซนติเมตร ทุกวันติดต่อกันเป็นเวลาประมาณ 1 เดือน พบว่าส่งผลดีต่อร่างกายดังนี้

- ช่วยป้องกัน และลดการอักเสบในร่างกายได้ดี

- ช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียน โดยเฉพาะในหญิงตั้งครรภ์ และผู้ป่วยโรคมะเร็งที่อยู่ระหว่างการทำเคมีบำบัด

- บรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ

- บรรเทาอาการท้องผูก โดยเฉพาะในคนที่มีปัญหาท้องผูกเรื้อรัง

- ช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือน

- ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ชนิดไม่ดี และไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือด

- ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย ส่งผลให้ป้องกันการติดเชื้อไวรัสได้ดี

ทั้งนี้ ความแตกต่างระหว่าง ขิงสด และ ขิงแห้ง คือ

ขิงสด : จะอุดมไปด้วยสารจิงเจอรอล ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่ทำให้เกิดรสเผ็ด สารชนิดนี้ช่วยให้การไหลเวียนเลือดดี ทำให้ร่างกายอบอุ่น มีเหงื่อออก จึงเหมาะสำหรับการนำมารับประทานในช่วงที่อากาศหนาวหรือในช่วงที่กำลังป่วย นอกจากนี้ ขิงสดยังอุดมไปด้วยสารต้านแบคทีเรีย และสารต้านอนุมูลอิสระ จึงเหมาะกับการนำมารับประทานเพื่อสุขภาพในชีวิตประจำวัน

ขิงแก่ : เมื่อผ่านความร้อนหรือถูกตากแดด สารประกอบจิงเจอรอลในขิง จะเปลี่ยนเป็น โชกาออล สารชนิดนี้จะช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบทางเดินอาหาร และช่วยให้ระบบการไหลเวียนเลือดดี โดยวิธีการทำขิงแห้งนั้น ทำได้ง่ายจากการนำขิงมาหั่นบาง ๆ และตากแห้ง จากนั้นจึงนำมาบดให้ละเอียด นำใส่ภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิด เวลาจะนำมารับประทาน ก็นำมาชงในน้ำอุ่นหรือนำชา เป็นต้น

สุดท้าย ขิงเป็นสมุนไพร ที่ดีต่อสุขภาพและมีราคาถูก การรับประทานขิงทุกวันในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มีผลเสียต่อร่างกายเหมือนสมุนไพรบางชนิด ในยามที่ต้องรักษาร่างกายให้แข็งแรงเพื่อต่อสู้กับสถานการณ์การระบาดของไวรัส ก็ลองมองหาสมุนไพรใกล้ตัวนี้ดู
กำลังโหลดความคิดเห็น