ศาลอุทธรณ์ชำนัญพิเศษ มีคำพิพากษาคดีที่ สยามสปอร์ต อุทธรณ์คำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ ให้สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ จำเลย ชำระเงินให้แก่ บริษัทสยามสปอร์ตฯ จำนวน 450 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยฯ จากการที่สมาคมลูกหนังฯ ยุค "บิ๊กอ๊อด" พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ยกเลิกสัญญาบริหารสิทธิประโยชน์ไม่เป็นธรรม
คดีของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง คดีหมายเลขดำที่ ทป.32/2560 , 79/2560 คดีหมายเลขแดงที่ ทป.142/2562 ,143/2563 ระหว่าง บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชนฯ) โจทก์ กับ สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ กับพวกรวม 20 คน จำเลย
คดีนี้เป็นคดี บมจ.สยามสปอร์ต ซินดิเคต เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายต่อสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ กับพวก จากกรณีที่สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ โดย พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง นายกสมาคมฯ บอกเลิกสัญญาบริหารสิทธิประโยชน์ ที่ทางสยามสปอร์ตได้รับการแต่งตั้งจากสมาคมฟุตบอลฯ ในสมัยนายวรวีร์ มะกูดี เป็นนายกสมาคม ให้เป็นผู้บริหารสิทธิประโยชน์ ตั้งแต่ปี 2556-2565 โดยขอให้สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงินกว่า 1,400 ล้านบาท
ต่อมาศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ ได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2562 โดยพิพากษาให้สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ จำเลยที่ 1 ชำระเงินให้แก่สยามสปอร์ตฯ จำนวน 50 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้อง และให้สยามสปอร์ตฯ คืนเงินจำนวน 240 ล้านบาท แก่บริษัทซีนีเพล็กซ์ จำกัด จำเลยที่ 20 พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2559
บมจ. สยามสปอร์ตซินดิเคท ในฐานะโจทก์ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษในวันที่15 กรกฎาคม 2564 ศาลอุทธรณ์ชำนัญพิเศษ มีคำพิพากษาแก้เป็นว่า ให้สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ จำเลยที่ 1 ชำระเงินให้แก่บริษัทสยามสปอร์ตฯ จำนวน 450 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5 ต่อปีนับแต่วันฟ้อง (27 มิถุนายน 2560) ถึงวันที่ 10 เมษายน 2564 และดอกเบี้ย 5 ต่อปี นับแต่วันที่ 11 เมษายน 2564 เป็นต้นไป นอกจากที่แก้ ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินฯ ค่าฤชาธรรมเนียมในส่วนฟ้องและฟ้องแย้งให้เป็นพับ ซึ่งศาลได้ออกคำบังคับให้สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ จำเลยที่ 1 ปฎิบัติตามคำพิพากษาภายใน 30 วัน