xs
xsm
sm
md
lg

“เดฟ โคเปย์” กับ 46 ปีที่รอคอย / MVP

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



คอลัมน์ Buzzer Beat โดย MVP

ศึกยูโร 2020 เกิดประเด็นดราม่า ที่กรุงบูดาเปสต์ กรณี วิกเตอร์ ออร์บาน นายกรัฐมนตรี ฮังการี ผลักดันกฎหมายต่อต้านชาว LGBTQ+ เป็นเหตุให้ เยอรมนี เปิดไฟสีรุ้งบนสนามกีฬาทั่วประเทศ แสดงท่าทีไม่เห็นด้วย ถึงแม้ สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (UEFA) สั่งห้ามการเคลื่อนไหวด้านการเมืองบนสังเวียนลูกหนัง ย้อนนึกดูครั้งก่อนๆ จึงเกิดความข้องใจว่า “แล้วตอนพวก** ต้านเหยียดผิว มันไม่ใช่การเมืองเหรอ” ทั้งๆ เนื้อหาสาระก็ใกล้เคียงกัน

ต่อมา ฮังการี ยังได้รับมอบหมายทำหน้าที่เจ้าภาพ รอบ 16 ทีมสุดท้าย ระหว่าง เนเธอร์แลนด์ส กับ เดนมาร์ก ซึ่ง จินี ไวจ์นัลดุม กัปตันทีม แถลงก่อนเกม พร้อมจะนำลูกทีม “วอล์ก เอาท์” หากมีเสียงแฟนๆ ตะโกนเหยียดผิว และวันคิกออฟ อดีตมิดฟิลด์ ลิเวอร์พูล รายนี้ จัดปลอกแขนสีรุ้งเดินลงสนาม สื่อความหมายทำนองเดียวกับ มาร์ค รึตเตอ นายกรัฐมนตรี เนเธอร์แลนด์ส ซึ่งโจมตีรัฐบาล ฮังการี

ช่วงเวลาไล่เลี่ยกันนั้นเอง คาร์ล นาสซิบ ดีเฟนซีฟ ไลน์แมน ลาส เวกัส เรดเดอร์ส อัดคลิปลงโซเชียล มีเดีย เผยธาตุแท้ตัวเอง หลังปิดบังตัวตนมาระยะหนึ่งว่า “ผมนี่แหละ คือ LGBTQ+” จารึกประวัติศาสตร์ ในฐานะผู้เล่นอเมริกันฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) คนแรก ซึ่งยอมรับว่า “ไม่มองหญิง” เฉพาะคนที่เล่นระดับอาชีพ นับเป็นระยะเวลาอันยาวนาน 46 ปี ตั้งแต่ เดฟ หรือ เดวิด โคเปย์ เป็นอดีตผู้เล่นเกย์คนแรกของ 4 ลีกกีฬาอาชีพระดับเมเจอร์ของ สหรัฐอเมริกา (NBA, NFL, MLB และ NHL)

โคเปย์ เพิ่งอายุครบ 79 ปี เมื่อวันที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมา เป็นผู้เล่นทีมพิเศษจอมพเนจร ตลอดอาชีพ 9 ซีซัน เริ่มตั้งแต่ ซาน ฟรานซิสโก โฟร์ตีไนเนอร์ส (1964-1967), ดีทรอยต์ ไลออนส์ (1968), วอชิงตัน เรดสกินส์ ซึ่งปัจจุบันใช้ชื่อว่า วอชิงตัน ฟุตบอล ทีม (1969-1970), นิว ออร์ลีนส์ เซ็นต์ส (1971) และ กรีน เบย์ แพ็คเกอร์ส (1972) ก่อนจะประกาศตัวว่าเป็น LGBTQ+ เมื่อปี 1975 หลังจากรีไทร์เรียบร้อยแล้ว

โคเปย์ ผู้เล่นตำแหน่ง รันนิงแบ็ก ย้อนความยุค 1960 และ 70 สมัยเล่นให้แฟรนไชส์ต่างๆ ของ NFL เกือบ 1 ทศวรรษ เขาไม่เคยปิดบังเพศของตัวเอง เพื่อนร่วมทีมและโค้ชต่างรู้แล้วเหยียบเอาไว้ และยังได้รับการสนับสนุนจาก วินซ์ ลอมบาร์ดี โค้ชระดับตำนาน แต่ ณ เวลานั้น ไม่มีทางที่จะเผยตัวเองสู่สาธารณชนได้

อิทธิพลของ โคเปย์ สร้างแรงบันดาลใจแก่นักกีฬารุ่นหลัง ออกมาประกาศตัวเป็นชาว LGBTQ+ 5 คน ได้แก่ รอย ซิมมอนส์ ปี 1992, เอเซรา ตูอาโอโล ปี 2002, เหว็ด เดวิส ปี 2012, ควาเม แฮร์ริส ปี 2013 และ ไรอัน โอ'คัลลาแฮน ปี 2017 กระทั่งมาถึง นาสซิบ ปี 2021 ที่สร้างความปลาบปลื้มแก่เขามากสุด “พิจารณาเรื่องเหล่านี้ทั้งหมด เห็นปฏิกิริยาที่มีต่อการประกาศของ คาร์ล มันสร้างความยินดีแก่ผมมาก แต่ผมต้องบอกว่า สิ่งนี้ควรจะเกิดขึ้นตั้งแต่ 40 ปีก่อน”

นึกย้อนถึงตัวเองสมัยเด็กยุค 90 ทำให้รู้สึกเสียใจ ที่ช่วงหนึ่งของชีวิตแสดงออกถึงทัศนคติ “Sexism” หรือเหยียดเพศ เชื่อว่า เราทุกคนคงเคย บูลลี เพื่อนชายที่ออกอาการตุ้งติ้ง หรือสนิทสนมกับเพื่อนหญิงว่า “ไอ้ตุ๊ด” พอเห็นเพื่อนน้ำตาไหลก็รู้สึกหัวเราะชอบใจ โดยที่เราไม่เคยรู้ว่า นั่นคือการกระทำเชิงเหยียดเพศ หรือแม้กระทั่งเวลาขับรถ เวลาเจอรถคันหน้าขับช้า หรือทำให้เสียจังหวะ ก็มักจะโทษไว้ก่อนว่า ผู้หญิงขับ ซึ่งตัวเองไม่เคยรู้และมีใครชี้แนะมาก่อน

ย้อนมองตัวเองวันนั้นกับวันนี้ สิ้งที่เรายังเห็นอยู่ คือ วงการละคร ซึ่งมักเข้าถึงคนอย่างง่ายดาย ยังมีแนวตบจูบแบบ จำเลยรัก ผลิตออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า หรือพระเอกไล่ปล้ำนางเอก ก่อนจะรักกัน หรือตามรังแกคนรักเก่า เพื่อล้างแคนที่เคยถูกทิ้ง สิ่งเหล่านี้มันก็ต้องเปลี่ยนแปลงเสียบ้าง เพราะละครจำพวกนี้ อาจเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างแนวคิดเหยียดเพศแก่ลูกหลานของท่านแบบคาดไม่ถึง


กำลังโหลดความคิดเห็น