เส้นทางแห่งฝันของ อังกฤษ ยุติการรอคอบแชมป์เมเจอร์แรกรอบ 55 ปี ใกล้เป็นจริง หลังฝ่าด่าน เยอรมนี คู่ปรับตัวฉกาจ 2-0 ศึกยูโร 2020 รอบ 16 ทีมสุดท้าย ที่สนามเวมบลีย์ วันอังคารที่ 29 มิถุนายน
"สิงโตคำราม" เข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศ พบ ยูเครน ที่กรุงโรม ประเทศอิตาลี วันที่ 3 กรกฎาคมนี้ ด้วยประตูของ ราฮีม สเตอร์ลิง กับ แฮร์รี เคน กัปตันทีม
บวกกับผลการแข่งขันคู่อื่นๆ เป็นใจ ทำให้ แชมป์โลก 1966 มีสิทธิ์ทะลุถึงรอบชิงชนะเลิศ แบบง่ายดายเกินคาด
ขณะพลพรรค "เดอะ ทรี ไลออนส์" เตรียมตัวรับมือ แชมป์โลก 4 สมัย เกิดการพลิกล็อก เนื่องจาก เนเธอร์แลนด์ส แชมป์ปี 1988 พ่ายแก่ สาธารณรัฐเช็ก 0-2 วันจันทร์ที่ผ่านมา (28 มิ.ย.) ทำให้ แฟรงค์ เดอ บัวร์ กุนซือ ตกงาน
ด้วยเหตุนี้เท่ากับว่า คู่ต่อสู้ที่ยากสุดของ แชมป์โลก 1966 แพ็กกระเป๋ากลับบ้านเรียบร้อยแล้ว ส่วน ฝรั่งเศส กับ โปรตุเกส แชมป์เก่า จอดป้ายแค่รอบ 16 ทีมสุดท้ายเช่นกัน
ทีมของ เซาธ์เกต ชนะ โครเอเชีย กับ สาธารณรัฐเช็ก สกอร์เดียวกัน 1-0 และเสมอ สกอตแลนด์ 0-0 คว้าแชมป์กลุ่ม D จึงหลีกเลี่ยงมิได้ที่จะต้องรับมือ รองแชมป์กลุ่ม F ซึ่งถูกมองว่าเป็น "กรุ๊ป ออฟ เดธ"
"อินทรีเหล็ก" ตามตีเสมอ ฮังการี 2-2 จบรอบแบ่งกลุ่มด้วยอันดับ 2 ของสาย ก่อนบุกมาปราชัย ที่เวมบลีย์ และด้าน สวีเดน สร้างเซอร์ไพรส์เบียด สเปน คว้าแชมป์กลุ่ม E
พิจารณาตามผลงานรอบแบ่งกลุ่ม อังกฤษ จะยืนรอผู้ชนะระหว่าง สวีเดน หรือ ยูเครน แทนที่จะเป็น "กระทิงดุ" ดีกรีแชมป์ 3 สมัย
อังกฤษ เคยเอาชนะ สวีเดน 2-0 ศึกฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย และเชื่อว่าน่าจะย้ำแค้นแก่ "ไวกิง" หากโคจรมาพบกันอีก
ส่วนรอบรองชนะเลิศ อังกฤษ อาจดวลกับ เดนมาร์ก หรือ สาธารณรัฐเช็ก รองแชมป์ปี 1996 กรณีเอาชนะ ยูเครน รอบ 8 ทีมสุดท้าย และคู่แข่งรอบชิงชนะเลิศ อาจเป็น เบลเยียม, สวิตเซอร์แลนด์, อิตาลี หรือ สเปน