เป็นกระแสในโลกออนไลน์จนหลายคนรู้จัก "เมสซี่เคท" กุลิสรา ลิ้มปวะนิช เด็กหญิงผู้มีลีลาเล่นฟุตบอลไม่แพ้ผู้ชาย ที่มีอะคาเดมี่ประเทศสหรัฐอเมริกา เชิญไปร่วมทีมแข่งขัน โดยต้องยกเครดิตให้กับคุณพ่อ “โค้ชต้น” รังสรรค์ ลิ้มปวะนิช กุนซือนักปั้นชื่อดังประจำ จ.สุพรรณบุรี ที่ขยันส่งโปรไฟล์ลูกสาวทุกวัน จนทีมมะกันใจอ่อน พร้อมติดต่อพูดคุยด้วยการใช้กูเกิ้ลแปลภาษา
“โค้ชต้น” ไม่ได้เป็นโค้ชเพราะโชคช่วย ไม่ใช่โค้ชที่นั่งเปิดดูคลิปในยูทูปแล้วนำมาสอนเด็กๆ แต่เขาเป็นอดีตนักฟุตบอลเดินสาย ที่แม้จะไปไม่ถึงฝั่งฝันในการค้าแข้งของตนเอง แต่หันมาเอาดีในการเป็นโค้ชสอนฟุตบอลเด็ก ผ่านการอบรมจากสถาบันที่ได้รับการรับรองว่าปูพื้นฐานฟุตบอลเยาวชนที่ได้มาตรฐานระดับโลกจาก บาร์เยิร์น มิวนิคล, เอคโคโน่ รวมถึงไปฝึกฟุตบอลสไตล์โปรตุเกส จาก “โค้ชรุณ” อรุณ ตุลย์วัฒนางกูร อดีตกุนซือชบาแก้ว ยู-19 และบินยังไปดูการทำอะคาเดมี่ฟุตบอลถึงประเทศจีนอีกด้วย ทั้งหมดทั้งมวลในการไปอบรมโค้ชครอสต่างๆ มาเพื่อสอนลูกสาวตัวเอง จนมีทักษะลูกหนังที่โดดเด่น ถึงขนาดเดาะฟุตบอลได้ 3,000 ครั้ง มีโอกาสไปแข่งขันฟุตบอลยังต่างประเทศทั้ง ฝรั่งเศล, จีน, เวียดนาม และสิงคโปร์
"ผมเคยเป็นนักกีฬาแฮนด์บอลทีมชาติไทยเมื่อนานมาแล้ว จากนั้นก็เปลี่ยนมาเตะฟุตบอลเดินสายในสุพรรณฯ หลังจากนั้นเพื่อนผม มานิตย์ น้อยเวช นักบอลทีมชาติไทย เขามาเปิดอะคาเดมี่แถวบ้าน และชวนผมไปเป็นโค้ช จึงได้ได้เริ่มทำ ซึ่งน้องเคทก็มาซ้อมกับผมตลอด" โค้ชต้น เผย
จุดเริ่มต้นที่ทำให้ "โค้ชต้น" ตัดสินใจส่งผลงานลูกสาวไปยังทีมอินเตอร์โฟเซส อะคาเดมี่ สหรัฐอเมริกา เพราะเห็นว่าสาวน้อยวัย 12 ปีรายนี้ ถือเป็นกองหน้าหญิงที่หาตัวจับยาก และยังเท้าหนักไม่แพ้ผู้ชาย จึงอยากฝากความฝันของตัวเองไว้กับลูกสาว และมั่นใจว่าจะประสบความสำเร็จมากกว่าที่ผู้เป็นพ่อเคยทำไว้ "จริงๆ น้องเคทไม่ได้ชอบเล่นบอล ผมบังคับให้น้องเล่น ด้วยความที่เราอยากได้ลูกผู้ชายเพราะเราชอบฟุตบอล แต่พอไม่ได้เราก็เลยอยากให้ลูกเราเป็นนักฟุตบอล สมัยเราไม่มีโอกาส ก็อยากสร้างโอกาสให้ลูก ผมฝึกน้องเคทแบบโหดมาก ให้ตื่นเช้ามาวิ่ง ตอนกลางวันไปเรียน ตอนเย็นกลับมาซ้อมบอล ผมเคยสอนถึงขั้นด่าลูกว่า "ถ้าเอ็งไม่อยากเล่นเอ็งออกไปเลย" น้องเคทก็ร้องไห้ ผมก็ทะเลาะกับแฟน แต่พอผ่าน 2-3 ปี ก็เห็นว่าลูกทำได้ ผมจะคอยบอกเขาอยู่เสมอว่า เราเป็นผู้หญิงเราต้องทำมากกว่าผู้ชาย 10 เท่า เราถึงจะเก่ง ผู้ชายเดาะบอลได้100 ที เราต้องได้ 1,000 ที ซึ่งน้องเคทก็ตั้งใจและทำได้จริงๆ จนได้แชมป์เดาะบอลที่สุพรรณฯ ครั้งนั้นน้องเดาะได้ 3,000 ที”
"แต่เรามองเห็นว่าประเทศไทยการแข่งขันฟุตบอลหญิงมีน้อย ผมจึงตั้งใจว่าจะส่งน้องไปเล่นต่างประเทศเลย จากนั้นก็ไปไล่ดูในอินเตอร์เน็ตว่าทีมฟุตบอลดังๆ ทีมไหนมีทีมหญิงบ้าง แล้วก็เริ่มส่งคลิปไปให้ 3-4 สโมสร ก็หวังว่าเขาาจะเปิดอ่านสักครั้ง ผ่านไปปีกว่า ทีมอินเตอร์โฟเซส อะคาเดมี่ ก็อ่านข้อความ ผมก็เลยพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษที่แปลจากกูเกิ้ลเอาว่าเด็กผู้หญิงคนนี้มีความสามารถนะ คุณสนใจจะเรียกไปทดสอบฝีเท้าไหม ผมพร้อมไป ซึ่งเค้าก็สนใจ ก็เลยได้พูดคุยกันเมื่อช่วงปีที่แล้ว แต่ก็เกิดเหตุโควิดรอบแรกพอดี ผมก็ไม่ได้ไปเพราะกลัว ปีนี้เขาติดต่อมาอีกครั้งว่าเค้าต้องการเด็กคนนี้มาร่วมทีม ซึ่งจะไปแข่งที่เมืองบียาร์รีล ประเทศสเปน 2ทัวร์นาเม้นท์ 14 วัน ซึ่งเขาจะดูแลค่าใช้จ่ายของน้องเคทที่นู้น เช่นพวกค่าที่พัก ค่าอาหาร รวมๆ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 63,000 บาท) ผมก็ไม่อยากให้ลูกเสียโอกาสตรงนี้จึงตัดสินใจที่จะเดินทางไป"
ตอนนี้สิ่งที่สองพ่อลูกกำลังเผชิญคือปัญหาค่าใช้จ่าย เพราะนอกจากจะต้องหาเงินซื้อตั๋วเครื่องบินและทำวีซ่าให้น้องเคทแล้ว ทางด้านของโค้ชต้นก็ต้องบินไปกับลูกสาวด้วย ซึ่งต้องใช้เงินกว่า 2 แสนบาท จึงอยากวอนให้ผู้ใจบุญสามารถร่วมสมทบทุนให้สาวน้อยคนนี้ไปตามความฝัน โดยสามารถบริจาคได้ที่ เลขบัญชี 1362482069 ธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชี รังสรรค์ ลิ้มปวะนิช
ผู้เป็นพ่อยังเปิดเผยเป้าหมายที่วางไว้ให้ลูกสาว คือการไปถึงระดับโลก ไปเป็นดาวยิงที่ทำชื่อเสียงให้กับประเทศไทย "ผมหวังให้น้องไปถึงระดับโลกให้ได้ เพราะการที่สโมสรจากอเมริกาเชิญไปทดสอบฝีเท้าและเขาบอกว่าเขาติดตามน้องเคทมา 3 ปี เพราะน้องมีประสบการณ์ไปแข่งที่ สิงคโปร เวียดนาม จีน มาแล้วก็ได้แชมป์ ผมหวังว่าครั้งนี้ทั่วโลกจะต้องได้เป็นฝีเท้าน้องเคท และมีโอกาสที่จะต่อยอดไปสโมสรต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งเท่าที่ผมสอนมา เขาเล่นกับเด็กผู้ชายมาตลอด แบกอายุมาตลอด ผมว่ามีโอกาสแน่นอน"
ขณะที่สาวน้อยเจ้าของฉายา "เมสซี่เคท" ก็ยอมรับว่าที่ตัวเองสนใจในกีฬาฟุตบอลเพราะอยากสานฝันให้กับคุณพ่อที่ไม่มีโอกาส เจ้าตัวจึงอยากสร้างโอกาสให้ตัวเอง เพื่อหวังจะมีชื่อเสียงในอนาคต อีกทั้งยังยกให้ "เมสซี่เจ" ชนาธิป สรงกระสินธ์ ดาวเตะทัพช้างศึก และ โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่ ยอดดาวยิงลิเวอร์พูล เป็นไอดอลในการค้าแข้งของตัวเอง "ตอนนี้หนูก็ฝึกภาษาจากแอพแปลภาษาค่ะ แต่พอรู้ศัพท์ฟุตบอลที่จะเป็นไว้สื่อสารในสนาม อนาคตก็อยากติดทีมชาติและได้เป็นเล่นลีกต่างประเทศ เพราะมั่นใจเรื่องการจ่ายบอลและการจบสกอร์ของตัวเอง สิ่งที่หนูชอบสำหรับฟุตบอลมากที่สุดก็คือการยิงประตู" เด็กหญิงวัย 12 ปี กล่าวทิ้งท้าย
แม้การไปต่างประเทศครั้งนี้จะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่มีอุปสรรคมากมายรอเธออยู่ แต่ถือเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ในฐานะ “เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง” ที่มีโอกาสได้โชว์ฝีเท้ากับสโมสรชื่อดังจากต่างประเทศ มาเอาใจช่วยกันว่า "น้องเคท" จะทำความฝันให้สำเร็จได้หรือไม่ และจะเติมเต็มโอกาสที่หายไปของผู้เป็นพ่อได้มากแค่ไหน มาลุ้นไปพร้อมกัน!!