คอลัมน์ “Golf Healing” โดย “พลโทนายแพทย์ สมศักดิ์ เถกิงเกียรติ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกประจำโรงพยาบาลพระมงกุฎ และ โรงพยาบาลรามคำแหง มีประสบการณ์ในการดูแลผู้ป่วยมากกว่า 30 ปี somsak_doctor@hotmail.com”
ทุกคลื่นทุกช่องประโคมข่าวโควิดกันจนเกิดวิตกจริตกันทั่วหน้า คุณชูสง่าที่นั่งฟังข่าว อ่านไลน์ เฝ้าบ้าน work from home อยู่ทุกวัน จนพี่หมอสังเกตเห็นอาการใกล้จะซึมเศร้า เพราะเสพข่าวมากเกินไปจนหาทางเดินไม่ถูก เลยเอาคำแนะนำของอธิบดีกรมอนามัยมาทำความเข้าอกเข้าใจกัน
แง่คิดที่ควรรับฟังในวันที่มีคนติดเชื้อเกิน 2 พันคนต่อวันในช่วงนี้ รองอธิบดีกรมอนามัย นายแพทย์อรรถพล แก้วสัมฤทธิ์ เล่าให้ฟังว่า "ตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ผมต้องบริหารจัดการกรณีเคสโควิดที่เกิดขึ้นจากการไปเที่ยวสถานบันเทิงอยู่จำนวนหนึ่ง จึงอยากมาเล่าเรื่องบางอย่างเผื่อจะช่วยในการปฎิบัติตัวของเพื่อนๆ ได้ดังนี้
1.ส่วนใหญ่เคสที่ติดในปัจจุบันมาจากคนใกล้ตัวทั้งสิ้นอย่าคิดว่ามาจากคนอื่นที่เราไม่รู้จัก แต่คนที่เรารู้จักอย่างดีนี่แหละคือเขาไม่ได้ตั้งใจหรอก เพราะเขาก็ไม่รู้แต่เรารู้จักกันสนิทสนมกัน เราก็เลยไว้ใจมันเป็นเรื่องธรรมดา แต่ตอนนี้ปริมาณคนติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วคนใกล้ตัวหรือคนรู้จักของเราอาจจะไปติดมาโดยไม่รู้ตัวก็ได้ ดังนั้นอยู่ให้ห่างกันไว้ก่อนรอให้สถานการณ์มันดีขึ้นค่อยกลับมานั่งกินข้าวด้วยกันก็ได้ยิ่งญาติผู้ใหญ่ตอนนี้ไม่ต้องไปหาเลยจริงๆ คือเวลาถ้าเราไปติดมา 1 คนก็นับไป 14 วันว่าไปไหนมาบ้างติดต่อกับคนกี่คน แล้วคนที่ติดต่อก็ต้องไปกักตัวหาที่ตรวจเชื้อ ซึ่งโรงพยาบาลทุกแห่งในกรุงเทพฯ เตียงเต็มเกือบหมดกำลังไล่เปิดโรงพยาบาลสนามกันแล้ว บุคลากรทางการแพทย์ก็ติดโควิดบางส่วน ทุกวันนี้ไม่ได้ปวดหัวกับคนติดเชื้อ แต่ปวดหัวกับคนที่ไปใกล้ชิดกับคนที่ติดเชื้อไหนจะเรื่องสถานที่กักตัวไหนจะเรื่องต้องคอยติดตามว่าปฎิบัติตามมาตรการจริงจังแค่ไหนและไหนจะต้องจัดหาที่ Swab ให้อีก จำไว้ครับว่าติดเชื้อ 1 คนจะเดือดร้อนอีกเป็นร้อยคนจริงๆ นะไม่ได้พูดเล่น
2.ไม่ต้องไปดูไทม์ไลน์เสียเวลาจิตตกเปล่าๆ ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ไปตามห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ ตลาด เซเว่น ร้านอาหาร สถานที่ๆ พวกเราไปกัน ดังนั้นไม่ต้องไปดูไทม์ไลน์แล้วระวังตัว แต่ให้คิดว่าทุกคนติดโควิดกันหมดเราจะได้ระวังตัวตลอดเวลา
3.หากมีประวัติไปสัมผัสคนที่ติดเชื้อจริงๆ ต้องตั้งสติก่อนอันดับแรกคือกักตัวเองก่อน 14 วันพยายามพบปะผู้คนให้น้อยที่สุดไม่มีอะไรจำเป็นเท่าอยู่กับบ้าน แต่ถ้าบ้านมีคนอื่นอยู่ต้องแยกตัวออกให้มากที่สุด แล้วไม่ต้องตกใจรีบไป Swab เพราะช่วง 5 วันหลังจากสัมผัสคนติดเชื้อนั้นเชื้อยังน้อยอยู่มันไม่อาจไม่แสดงผลแล้ว แต่อย่าไปใช้ชีวิตตามปกติเดี๋ยวจะไปติดคนอื่น ให้โทรไปตามเบอร์ที่รัฐบาลให้ไว้แล้วไปตรวจตามนัด สมมติได้ตรวจวันที่ 7 แล้วผลเป็นลบค่อยกักตัวอีก 7 วันให้ครบ 14 วัน ระหว่างกักตัวหากมีอาการค่อยไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด
4.ถ้าแพทย์ไม่ Swab ให้ก็ไม่ต้องไปตกใจหรือต่อว่า เพราะเขามีวิธีประเมินถ้าเราเสี่ยงต่ำเขาก็ไม่ทำให้เราต้องเชื่อมือแพทย์เขาดูแลคนติดเชื้อมาเป็นร้อยเป็นพันเราต้องฟังเขากักตัวให้ครบ 14 วันถ้าไม่มีอาการก็สบายใจได้
5.อย่าไปว่าคนติดเชื้อไม่มีใครอยากติดและคงทุกข์ใจไม่น้อยเพราะทำให้ทุกคนลำบากไปด้วยดังนั้นเป็นกำลังใจให้กันและกันดีกว่า
6.เชื่อหรือไม่ว่าที่บอกให้ใส่หน้ากากอนามัยอยู่ห่างๆ ล้างมือบ่อยๆ ช่วยได้จริงๆ โดยพวกที่ติดนั้นมาจากสถานบันเทิงทั้งสิ้น แต่ตัวอย่างเพื่อนนอนห้องเดียวกันยังไม่ติดเลย เพราะใส่หน้ากากอนามัยอยู่ห่างล้างมือบ่อยๆ แม้จะน่าเบื่อแต่ได้ผลจริงๆ
7.แพทย์ซักประวัติให้บอกตามความจริง การบอกให้เราดูเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงเพื่อที่จะได้ Swab อย่าทำ เพราะถ้าอยู่ต่างจังหวัดจะส่งตัวเข้า local quarantine ทันทีเลยไปนอนเล่น 14 วันหรือถ้าอยู่กทม.แล้วดันไปเดินห้างมีคนเห็นไปแจ้งติดคุกตามกฎหมายเลยนะดังนั้นเล่าไปตามความจริง
8.บุคลากรทางการแพทย์เหนื่อยมากดังนั้นอย่าหงุดหงิดหรืออารมณ์เสียไม่ว่าจะเจ้าหน้าที่คัดกรองหรือคน swab แม้แต่คนทำความสะอาด แม่บ้าน รปภ. เพราะทุกคนเสี่ยงมากเจอกับคนติดเชื้อทุกวันแล้วต้องตอบคำถามพูดเดิมๆ ซ้ำๆ กันทุกวัน ไม่ใช่แค่คำสองคำแต่เป็น 2-3 ย่อหน้า ดังนั้นอย่าไปหัวร้อน เราไปรอตรวจ 2-3 ชั่วโมง แต่คนทำงานนั้นนั่ง 6-8 ชั่วโมง แถมชุดป้องกัน PPE ร้อนกว่ามากหลายเท่า ดังนั้นให้กำลังใจกันขอบคุณเขาให้เขารู้สึกมีคุณค่าคำขอบคุณคือกำลังใจเล็กๆ ให้บุคลากรด่านหน้าเหล่านี้