xs
xsm
sm
md
lg

หอสีทอง ลำคลองสีฟ้า นคราสีเขียว / กษิติ กมลนาวิน ราชวังสัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน ราชวังสัน

เดี๋ยวนี้ใครๆก็คิดถึงสิ่งแวดล้อมที่ต้องได้รับการดูแล ผู้บริหารในชาติที่มีความเจริญพัฒนาไม่ได้มุ่งหวังแค่นำความทันสมัยมาสู่ชุมชน แต่หันกลับมามองสภาพแวดล้อมที่ทำให้ทุกชีวิตได้อยู่อย่างมีความสุข ไร้มลพิษ มากกว่าสิ่งอื่นใด ผู้ว่าราชการแห่งมหานครที่มีนโยบายเน้นให้ความสำคัญต่อระบบนิเวศ เนรมิตเมืองให้ไร้มลพิษ ไร้รถยนต์ จึงได้รับความนิยมให้ดำรงตำแหน่งต่อเป็นวาระที่ 2 กรุงปารี ประเทศฝรั่งเศส กำลังจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน โอลิมปิค เกมส์ 2024 ไม่เพียงแต่สนามกีฬาและหมู่บ้านนักกีฬาเท่านั้นที่พวกเขาหยิบขึ้นมาปรับปรุง ซ่อม สร้าง แต่มันรวมถึงโครงการที่จะทำให้มหานครที่สวยที่สุดในโลกได้แสดงให้โลกติดตรึงใจในเวอร์เชิ่นรักษ์สิ่งแวดล้อม

บริเวณรอบหอเอ๊ฟเฟ็ล (Tour Eiffel) กับ ถนนช็อง เซลีเซ่ (Avenue des Champs-Elysées) เป็น 2 โครงการเป้าหมายที่จะถูกทำให้เขียวสดใส นับจาก โรงเรียนทหาร (École militaire) เป็นทางยาวมาถึง ทร็อคกาเดโร (Trocadéro) จะกลายเป็นถนนคนเดิน และจาก ลานกงกอรด์ (Place la Concorde) ถึง ถนนช็อง เซลีเซ่ ก็มีเช่นกันบางส่วน แต่สิ่งที่สุดพิเศษก็คือ สวนสวรรค์จะถูกเนรมิตมาไว้ตรงนี้ด้วย กล่าวกันว่า โอลิมปิค เกมส์ 2024 จะเป็นตัวเร่งอย่างดีให้ฝันของ อานน์ อีดัลโก (Anne Hidalgo) ผู้ว่าราชการ ที่ต้องการทำให้ กรุงปารี เป็นเมืองปลอดจากรถยนต์นั้นเป็นความจริงได้เร็วขึ้น

กรุงปารี ได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพโดยไร้คู่แข่ง เนื่องจากหลายเมืองที่เสนอตัวได้พากันถอนตัวกันหมด คงเหลือแค่ ล้อส แอนเจลิส (Los Angeles) จึงได้ตกลงแบ่งกันให้ ปารี เป็นเจ้าภาพก่อน ส่วน ล้อส แอนเจลิส เอาสิทธิ์ของปี 2028 ไปก็แล้วกัน พิธีเปิดการแข่งขันกำหนดไว้วันที่ 26 กรกฎาคม ที่ สต๊าด เดอ ฟร้องส์ (Stade de France) ไปจบในวันที่ 11 สิงหาคม มีการแข่งขัน 32 ชนิดกีฬา รวม 339 รายการ ซึ่งผมมีตัวเลขจากเจ้าภาพ เขาคาดว่าจะมีนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันจาก 206 ชาติสมาชิก รวมประมาณ 15,000 คน อาสาสมัคร 50,000 คน สื่อมวลชน 20,000 คน ผู้ชมที่จะเดินทางมาชมการแข่งขันในสนาม 13.5 ล้านคน ถ่ายทอดการแข่งขันทางโทรทัศน์ 100,000 ชั่วโมงสู่สายตาชาวโลกประมาณ 4 พันล้านคน แม้การวิ่งคบเพลิงก็ประมาณการไว้ว่าจะมีผู้ชมราว 15 ล้านคน

สิ่งที่น่าสนใจก็คือ การทาสี หอเอ๊ฟเฟ็ล ใหม่เป็นสีทอง ซึ่งนับว่าเป็นโครงการที่ใหญ่ที่สุดที่เคยมีมาและมีรายละเอียดที่น่าสนใจมาก โดยงานนี้เขาตั้งงบประมาณไว้ถึง 50 ล้าน เออโร หรือประมาณ 1,800 ล้าน บาท เริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนตุลาคม 2018 มีกำหนดแล้วเสร็จสิ้นปี 2021 ใช้เวลา 3 ปีเต็ม ต้องใช้สีมากถึง 60 ตัน ซึ่งแม้ว่าฐานหอจะแข็งแรงแน่นหนา แต่ก็มีเรื่องสำคัญที่ต้องคำนึงถึง เพราะหอที่มีน้ำหนักมากถึง 10,000 ตัน ต้องระวังมิให้การทาสีไปเพิ่มน้ำหนักที่ตัวหอหรือส่วนใดส่วนหนึ่งจนเกินเกณฑ์เพื่อความปลอดภัย

ในขณะที่เรื่องของสีนั้น เขาได้ถอดเอาชิ้นส่วนของหอมาวิเคราะห์ได้ความว่า ตั้งแต่เริ่มสร้างหอในปี 1889 นั้น ทำให้ทราบถึงสีต่างๆที่มีการเปลี่ยนไปตามยุคสมัย เริ่มแรกเป็นสีออกแดงๆ ในปี 1892 ทาใหม่เป็นสีน้ำตาลออกเหลือง แล้วก็เหลืองเลยในปี 1899 ในช่วงปี 1907-1954 ใช้สีเหลือง-น้ำตาล หรือ สีทอง นั่นเอง ในช่วงปี 1954-1968 เป็นสีแดง-น้ำตาล และตั้งแต่ปี 1968 มาจนถึงปัจจุบันเป็นสีน้ำตาล โดยส่วนล่างจะมีสีเข้มกว่าหน่อยเพื่อให้ตัวหอดูปราดเปรียว ส่วนสีใหม่นั้นเขาจะย้อนกลับไปใช้สีของช่วงปี 1907-1954 คือ สีทอง ห่อหุ้มให้แก่สิ่งที่พวกเขามอบฉายาว่า “สตรีเหล็ก” โดยที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้มีการทาสีรวมทั้งสิ้น 19 ครั้ง และเป็นการทาทับไปเลย แต่ตอนนี้เขาต้องจัดการขูดสีเก่าออกให้หมดเสียก่อนเพื่อมิให้เธอต้องแบกน้ำหนักมากเกินไปนั่นเอง

หอเอ๊ฟเฟ็ล ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เก็บค่าขึ้นชมโดยมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางมาขึ้นชมมากที่สุดในโลก นับจนถึงตอนนี้กว่า 300 ล้านคนแล้ว ใครมีโอกาสไปเที่ยวมหานครที่กำลังจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติในระยะนี้ก็คงชวดโอกาสขึ้นไปเที่ยวชมบนหอเอ๊ฟเฟ็ล คงได้เห็นเพียงผ้าใบปกคลุมบางส่วน แถมยังมีกำแพงกระจกสูง 3.24 เมตร หนาตั้ง 65 มิลลิเมตร กั้นรอบๆตัวหออีกด้วย อันนี้เขาป้องกันอันตรายจากข้าวของตกใส่ ป้องกันฝุ่นละอองและไอระเหยของสารตะกั่วที่ผสมในสีให้พวกเราไงครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น