ไม่มีมนุษย์คนไหนอยากเกิดมีชีวิตด้วยร่างกายที่ไม่สมประกอบ เพราะไม่เพียงแต่สร้างปัญหาในการใช้ชีวิตปกติประจำวัน ยังมีสุ่มเสี่ยงต่อการถูกบูลลี่รังแกด้วยคำพูดและการกระทำ ทว่าไม่ใช่กับ เจค พีค็อก ที่ก้าวข้ามขีดจำกัดจากการเป็นผู้พิการแขนข้างขวา จนกลายมาเป็นนักมวยไทยระดับอาชีพ ที่กำลังมีชื่อเสียงในแวดวงการต่อสู้ ทั้งที่มีแขนใช้งานข้างเดียว
เจค พีค็อก คือบุตรชายของ เควิน พีค็อก อดีตกองหน้า นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด และ เชลซี โดยหลังยุติบทบาทอาชีพค้าแข้ง และคอมเมนเตเตอร์ฟุตบอลให้กับช่องบีบีซี ประจำศึก ยูโร 2008 เควิน และ อแมนด้า ภรรยา ก็ย้ายไปอยู่ที่แคนาดาในปีดังกล่าว พร้อมเปลี่ยนบทบาทใหม่เป็นนักเทศน์ในโบสถ์คัลการี รวมถึงให้กำเนิดลูกชายซึ่งพวกเขาไม่รู้เลยว่าทายาทคนนี้จะลืมตาดูโลกพร้อมแขนขวาที่ไม่สมบูรณ์
“ช่วงตั้งครรภ์พ่อกับแม่ผมเข้ารับการตรวจอัลตร้าซาวด์แค่ครั้งเดียว และเพราะผมนอนตะแคงด้วย ทำให้พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมจะเกิดมาพร้อมกับมือที่สมบูรณ์ข้างเดียว” เจค เล่าถึงจุดกำเนิดที่ผิดพลาด เมื่อเขาเกิดมาพร้อมกับแขนขวาที่หดเข้าไปถึงข้อศอก และในทางการแพทย์ เคสนี้เกิดเพียง 1 ใน 10,000 ดังนั้นจึงถือเป็นเรื่องโชคร้ายของตัวเควิน อแมนด้า กระทั่งตัวของ เจค
แม้จะเกิดมาไม่สมบูรณ์แต่ เจค ยืนยันว่าพ่อแม่ยังคงมอบความรักให้กับเขาไม่ขาด ทำให้ไม่เคยรู้สึกเป็นปมด้อย พร้อมสนับสนุนเต็มที่ไม่ว่าจะทำอะไร “พวกเขาไม่เคยเลี้ยงผมให้รู้สึกผิดต่อเรื่องนี้เลย และให้ผมทำทุกอย่างที่อยากทำ ทั้งเล่นกีฬาอย่าง ยิมนาสติก, บาสเกตบอล, ว่ายน้ำ, อเมริกันฟุตบอล, เบสบอล ฯลฯ ผมได้ลองทำทุกอย่าง และสิ่งสำคัญคือผมไม่คิดว่าตัวเองจะทำไม่ได้”
ก่อนหน้านี้ เจค ทำงานเป็นนักสังคมสงเคราะห์ที่แคนาดา แต่เมื่อได้รู้จักกีฬาการต่อสู้ ทำให้เจ้าตัวสนใจและอยากเล่น โดยเริ่มจาก มิกซ์ มาร์เชียล อาร์ต แม้จะไม่ประสบความสำเร็จเพราะแพ้คู่แข่งตั้งแต่ไฟต์แรก แต่จุดเปลี่ยนสำคัญมาถึงเมื่อหนุ่มวัย 27 ปี รู้จักกีฬามวยไทย ทำให้เขาตัดสินใจเรียนวิชามวยไทยอย่างจริงจัง จนตอนนี้กลายเป็นนักมวยไทยระดับมืออาชีพไปแล้ว
เพราะมวยไทยใช้อาวุธได้อย่างอิสระ หมัด เท้า เข่า ศอก ทำให้เจค ใช้ร่างกายของตัวเองเล่นงานคู่ต่อสู้ได้เต็มที่ รวมถึงแขนขวาที่บ่อยครั้งใช้เป็นลูกเล่นในการ “ต่อยหลอก” ให้คู่ต่อสู้งงงวย และนี่คือเส้นทางที่ถูกต้องเมื่อเจ้าตัวประสบความสำเร็จขึ้นชกอาชีพ 4 ครั้ง ชนะ 4 ไฟต์ติดต่อกัน แถมเป็นการน็อกทั้งสิ้น ทำให้ชื่อเสียงของ เจค พีค็อก เริ่มขจรขจายในแวดวงกีฬามวยไทยที่ยุโรป
“นักมวยไทยจอมเจ้าเล่ห์” คือพาดหัวที่สื่อแวดวงการมวยเรียกถึง เจค เพราะความแพรวพราวบนเวที และการเป็นนักมวยแขนเดียว ถึงช่วงแรกจะยอมรับว่ารู้สึกไม่พอใจที่สื่อให้ความสนใจกับความพิการของเขามากกว่าเรื่องฝีมือก็ตาม “ถึงผมจะมีแขนข้างเดียว แต่หลายครั้งผมก็ทำให้ทุกคนประหลาดใจด้วยการต่อสู้ในแบบของตัวเอง ด้วยกลยุทธ์ที่วางแผลมาเป็นอย่างดี และตอบโต้กลับในจังหวะที่เหมาะสม”
เจค ยังเป็นเจ้าของยิมมวยไทยที่เปิดในแคนาดา รับสอนนักเรียนที่สนใจอยากฝึกมวยไทย ดูแลด้วยตัวเอง กระนั้นเจ้าตัวก็ยังมองถึงเป้าหมายใหม่ๆ นั่นคือพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้น และเป็นแชมป์โลกรายการ ไลออน ไฟต์ รายการมวยไทยที่โด่งดังในระดับยุโรป “ผมสามารถไปได้ไกลอย่างใจฝัน ไม่มีเพดานขวางกั้น ที่ผ่านมาผมมีโอกาสฝึกซ้อมกับนักมวยระดับสูง ซึ่งมันยกระดับฝีมือเป็นอย่างดี”
ทั้งนี้ ฝีไม้ลายมือของ เจค ยังอยู่ภายใต้ความสนใจของ UFC ศึกมวยกรงเบอร์ 1 ของโลกแห่งอเมริกา ที่ได้ชมการชกของ เจค แบบเต็มสายตาในฐานะสื่อที่ทำการถ่ายทอดสดรายการ ไลออน ไฟต์ ที่เจ้าตัวลงแข่ง พร้อมกับเขียนบทความชื่นชมลงเว็บไซต์ของตัวเอง จนมีกระแสว่า ดาน่า ไวท์ บิ๊กบอสแห่ง UFC อาจเรียกมาคุยกันเพื่อดูว่าจะมาชกในกรงเหล็กได้หรือไม่
ปัจจุบัน เจค ไม่เพียงแต่เป็นนักมวยไทยและเปิดโรงยิมที่แคนาดา แต่ยังเป็นคุณพ่อลูกหนึ่งไปแล้วเมื่อเจ้าตัวและภรรยาเพิ่งให้กำเนิด ชาร์ลี ลูกชายไปเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และด้วยความที่การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังไม่มีผู้จัดมวยไทยค่ายไหนจัดการต่อสู้ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ทำให้ เจค ใช้โอกาสนี้หยุดพักและดูแลครอบครัวอย่างเต็มที่
สุดท้าย เจค ยังให้ข้อคิดแก่ผู้พิการมากมายที่กำลังท้อแท้สิ้นหวัง พลางโทษโชคชะตาที่ไม่ให้เกิดเป็นมนุษย์ครบ 32 ว่า “คนเรามักทำสิ่งที่เหลือเชื่อได้เสมอหากมีจิตใจที่เข้มแข็ง ถ้าคุณคิดเช่นนี้ คุณสามารถทำอะไรก็ได้ กลับกันต่อให้คุณมีแขน-ขา ครบ แต่เกิดลังเลไม่แน่ใจในว่าตัวเองจะทำได้หรือเปล่าก็ไม่มีทางสำเร็จ มันชัดเจนว่าคุณต้องมุ่งมั่นและตั้งใจอย่างเต็มที่ เพื่อทำฝันอันยิ่งใหญ่ให้เกิดขึ้น”