ย้อนกลับไปราวๆ 20 กว่าปีก่อน หนุ่มจากแดนอาทิตย์อุทัยรายหนึ่งที่ชื่นชอบในกีฬาฟุตบอล แต่ไม่สามารถผลักดันตัวเองในการเป็นนักฟุตบอลที่ดีได้ ตัดสินใจเริ่มมุ่งมั่นและเอาดีด้านโค้ชตั้งแต่อายุ 20 ต้นๆ ชายคนนั้นมีนามว่า "มาซามิ ทากิ"
มาซามิ ทากิ ตัดสินใจทำงานด้านโค้ชตั้งแต่อายุเพียง 21-22 ปี ด้วยการเริ่มต้นเป็นสต๊าฟฟ์โค้ชของทีม เซเรโซ่ โอซาก้า รุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี และทำงานที่เขารักมาอย่างยาวนานถึง 7 ปีกับสโมสรแห่งนี้ ก่อนจะได้รับโอกาสไปเป็นเฮดโค้ชของจูบิโล่ อิวาตะ รุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี
หลังจากนั้นเป็นต้นมาเขายังได้ทำงานกับฟุตบอลเด็กของญี่ปุ่น ด้วยการเข้ามาเป็นสต๊าฟฟ์โค้ชของวิสเซล โกเบ รุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี ต่อด้วยการเป็นเฮดโค้ชของทีมเรียวเคียว เอฟซี รุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี เรียกได้ว่าแทบจะครึ่งชีวิตเขาทำงานในระบบฟุตบอลเยาวชนของประเทศญี่ปุ่นมาตลอด
แต่แล้วเมื่อปี 2009 เขาอยากออกมาหาความท้าทายใหม่ๆ ในอาชีพของการเป็นโค้ช เมื่อทีมไทยฮอนด้า เอฟซี ต้องการผู้ฝึกสอนชาวญี่ปุ่นเข้าไปทำทีม สุดท้าย มาซามิ ทากิ จึงตัดสินใจเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาทำงานที่ประเทศไทย
ในช่วงเวลานั้นต้องบอกตรงๆว่า "ฟุตบอลไทย" ยังไม่ได้มีความเป็นมืออาชีพแบบ 100 เปอร์เซนต์ จริงอยู่ที่ช่วงนั้นลีกลูกหนังไทยเริ่มกลับมาเป็นที่นิยมของแฟนฟุตบอลอีกครั้ง แต่ต้องบอกว่าหลายสโมสรโดยเฉพาะในลีกพระรอง รวมไปถึงลีกภูมิภาค ยังไม่มีการบริหารงานที่เป็นอาชีพเท่าที่ควร
มาซามิ ทากิ ทำงานภายใต้ระบบบริหารงานในรูปแบบองค์กรของไทยฮอนด้า ถึงแม้จะไม่เคยถูกเบี้ยวค่าจ้าง จ่ายครบ จ่ายตรงตลอด แต่เขาก็มีงบประมาณการทำทีมที่จำกัดจำเขี่ย และทีมก็ไม่ได้ซัพพอร์ตอะไรตัวเขามากมายนัก และอยู่กับสโมสรได้แค่ปีเดียวในตอนแรก
สุดท้ายชื่อของเขาหายไปราว 3-4 ปี ก่อนจะคัมแบ็คกลับมารับงานคุมทีมที่ไทยกับสโมสรเดิม อย่าง ไทยฮอนด้า อีกครั้ง ซึ่งคราวนี้เขาก็ไม่ทำให้ผู้บริหารต้องผิดหวัง เพราะสามารถพาทีมเลื่อนชั้นจากลีกภูมิภาค กลับมาอยู่ในดิวิชั่น 1 เมื่อปี 2014 ถือเป็นการประสบความสำเร็จเล็กๆ ในฐานะกุนซือของเขา
หลังจากนั้นชื่อของเขายังวนเวียนอยู่ในประเทศไทย ในปี 2017 ได้เข้าไปเป็นที่ปรึกษาของพัทยา ยูไนเต็ด ซึ่งก็ทำงานที่นี่่ได้แค่ปีเดียว สุดท้ายทีมมีการปรับเปลี่ยนขนานใหญ่ ถูกเทคโอเวอร์และย้ายที่ตั้งสโมสรไปอยู่ที่จังหวัดสมุทรปราการ แน่นอนว่าทำให้เขาต้องตกงาน ทำให้ ทากิ ต้องกลับไปทำงานที่บ้านเกิดอยู่ 2-3 ปี โดยเข้าไปเป็นประธานเทคนิคของทีมฟูจิเอดะ เอ็มวาย ใน J3 ก่อนจะมารับงานที่เขาถนัดคือการนั่งแท่นเป็นสต๊าฟฟ์โค้ชของเซเรโซ่ โอซาก้า อะคาเดมี
อย่างไรก็ตามเมื่อปี 2020 เขาได้รับโอกาสที่เหมือนจะเป็นครั้งสำคัญของชีวิต เมื่อได้รับการติดต่อจาก "กว่างโซ้งมหาภัย" สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ที่เพิ่งทำเซอร์ไพรส์คว้าแชมป์ไทยลีกมาสดๆ ร้อนๆ ในปี 2019 ซึ่งภายหลังมีการแยกทางกับ ไอตัน ซิลวา เทรนเนอร์ที่พาทีมได้แชมป์ จึงจัดการดีล มาซามิ ทากิ ไปกุมบังเหียน
เขาฝากผลงานอันยอดเยี่ยมให้กับทีมในการคุมทัพปีแรก เปิดตัวได้อย่างสุดเท่คว้าแชมป์ไทยแลนด์ แชมเปียนส์ คัพ 2020 เอาชนะการท่าเรือ เอฟซี ในรอบชิงฯ นั่นคือความสำเร็จครั้งแรก ซึ่งก็ไม่มีใครรู้ว่านั่นก็เป็นความสำเร็จครั้งสุดท้ายของเขากับสโมสรแห่งนี้เช่นกัน
เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน 2020 ช่วงที่ฟุตบอลไทยคัมแบ็คกลับมาเตะอีกครั้งหลังต้องพักเบรกโควิด-19 ไปอย่างยาวนาน "กว่างโซ้ง" ออกมาแถลงข่าวแยกทางกับ มาซามิ ทากิ แบบสุดช็อก ทั้งๆที่เวลานั้นผลงานของสโมสรก็ไม่ได้แย่ รั้งอันดับ 3 ของตาราง
หลายฝ่ายเริ่มสงสัยว่าการแยกทางระหว่างเขา กับ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด เกิดอะไรขึ้น ทั้งๆที่ทรงบอลก็ดี ผลงานในสนามก็ดี สุดท้ายตัวของ "ทากิ" เอง ออกมาเฉลยว่า สาเหตุที่ต้องแยกทางกับ "กว่างโซ้ง" เป็นเพราะเรื่องอำนาจหน้าที่ภายในทีมที่ตนไม่สามารถทำได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย
ซึ่งก็เป็นไปตามที่หลายฝ่ายคาดเอาไว้ ว่าการทำงานของ "ทากิ" ดูเหมือนจะเป็น "โค้ชเงา" ภายในทีมมากกว่า บ่อยครั้งที่กล้องถ่ายทอดสดจับไปข้างสนาม บุคคลที่ลุกมาสั่งเกมลูกทีมดันไม่ใช่คนที่มีชื่อเป็นเฮดโค้ช แต่กลับกลายเป็นอีกคน รวมไปถึงการตัดสินใจอะไรต่างๆ ภายในทีมเขาก็ไม่มีสิทธิ์ที่มากพอ ทั้งๆที่ตำแหน่งของเขาคือ "กุนซือใหญ่"
เมื่อแยกทางกับ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ทีแรกเหมือนว่าเขาจะกลับไปทำงานที่บ้านเกิดอีกครั้ง แต่สุดท้ายไม่เป็นเช่นนั้น เขากลั้นใจอีกเฮือกเพื่ออยู่ทำงานในประเทศไทยต่อกับทีม ระยอง เอฟซี น้องใหม่ในไทยลีกที่เพิ่งเลื่อนชึ้นขึ้นมาแต่ผลงานไม่เป็นดั่งหวัง จึงอยากจะให้ มาซามิ ทากิ เข้าไปช่วยกู้สถานการณ์เสียหน่อย
การทำงานที่ระยอง เอฟซี ช่วงแรกดูเหมือนจะไม่มีปัญหา "ทากิ" แทบจะเปลี่ยนทีมจากหน้ามือเป็นหลังมือ จากเดิมที่ทีมมีฟอร์มการเล่นที่ย่ำแย่ สู้ทีมอื่นในลีกแทบจะไม่ได้ แต่เขามาเปลี่ยนโฉม เปลี่ยนวิธีการเล่นของ "ม้านิลมังกร" เสียใหม่ มีผลงานที่ดีขึ้น โดยเฉพาะเกมที่พลิกล็อกเปิดบ้านเอาชนะ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ไปแบบเหลือเชื่อ 1-0 ทั้งๆที่วันนั้น ระยอง เอฟซี ใช้ผู้เล่นเป็นแข้งไทยล้วน ไม่มีต่างชาติผสม ได้รับคำชมอย่างมากมาย
จากที่เหมือนจะไม่มีอะไร แต่ปัญหาก็เกิดจนได้ เมื่อมีข่าวว่าบอร์ดบริหารของ ระยอง เอฟซี ค้างจ่ายเงินนักฟุตบอลมาหลายงวด จากการเปิดเผยของนักฟุตบอลในทีม ระบุว่าบางงวดได้ไม่ครบ บางงวดเงินออกไม่ตรง บางงวดได้เงินแค่หลักพันก็มี จนถึงขั้นที่ มาซามิ ทากิ สั่งลูกทีมงดซ้อมชั่วคราวจนกว่าจะได้รับเงินที่ค้างอยู่ครบทั้งหมด
สุดท้ายบอร์ดบริหาร กับ ทากิ ก็เคลียร์ใจกันได้ เมื่อไทยลีกคัมแบ็คหลังพักเบรกโควิดระลอกใหม่ ทีมก็กลับมาลงสนามกันได้เหมือนเดิม แต่ก็ไม่รู้ว่าเมื่อจบฤดูกาลจะอยู่รอดในไทยลีกต่อไปหรือไม่
เรียกได้ว่า มาซามิ ทากิ เป็นเฮดโค้ชที่ "โชคร้าย" จริงๆ เขาอาจจะได้รับการยกย่องที่ประเทศญี่ปุ่น กับระบบฟุตบอลที่ยอดเยี่ยม แต่เมื่อเขาตัดสินใจที่จะมารับงานคุมทีมที่ประเทศไทย กลับต้องมาเจอกับ "ความไม่เป็นมืออาชีพ" เสียอย่างนั้น