“โจรสลัด” แทมปา เบย์ บัคคาเนียร์ส เอาชนะ “หัวหน้าเผ่า” แคนซัส ซิตี ชีฟส์ ขาดลอย 31-9 คว้าแชมป์ศึกซูเปอร์โบว์ล 55 ที่สนาม เรย์มอนด์ เจมส์ สเตเดียม เมืองแทมปา รัฐฟลอริดา วันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ ตามเวลาไทย
ต่างฝ่ายต่างบุกไม่ขึ้นช่วงแรก แคนซัส ซิตี ทำสกอร์แรก แฮร์ริสัน บัตเกอร์ เตะฟิลด์โกล 49 หลา ขึ้นนำ 3-0 แทมปา เบย์ ตอบโต้ด้วยเกมวิ่งสลับขว้างสั้น กระทั่ง ทอม เบรดี ควอเตอร์แบ็ก ปาบอลให้ ร็อบ กรอนคอฟสกี ไทต์เอนด์คู่หู รับทัชดาวน์ 8 หลา แซงนำ 7-3
เริ่มควอเตอร์ 2 แชมป์เก่า เสียโทษเพลย์สำคัญ ชาร์วาเรียส วอร์ด คอร์เนอร์แบ็ก ข้อหาโฮลดิง จังหวะ ไทรันน์ แมตธิว เซฟตี อินเตอร์เซ็ปต์ และ อันโตนิโอ แฮมิลตัน ผู้เล่นทีมพิเศษ ออฟไซด์ เป็นเหตุให้ บัคคาเนียร์ส เปลี่ยนจากฟิลด์โกล 40 หลา เป็น เบรดี ขว้างทัชดาวน์ 17 หลา ให้ กรอนคอฟสกี หนีไปเป็น 14-3
ชีฟส์ ไล่มาเป็น 6-14 หลัง แฮร์ริสัน บัตเกอร์ เตะฟิลด์โกลที่ 2 ของเกม ระยะ 34 หลา เหลือเวลา 1 นาทีเศษ ทว่า เบรดี อาศัยความเก๋าบอมบ์ยาวเล่นงาน บาเชาด์ บรีแลนด์ คอร์เนอร์แบ็ก กับ ไทรันน์ แมตธิว เซฟตี ถูกโยนธงโทษรบกวนปีก เสียระยะรวมกัน 42 หลา แล้วขว้างทัชดาวน์ 1 หลา ให้ อันโตนิโอ บราวน์ ปีกนอก ทิ้งห่าง 21-6 ปิดครึ่งแรก
เข้าสู่ช่วง “ฮาล์ฟไทม์ โชว์” เดอะ วีกเอนด์ (Weeknd) ศิลปินชาวแคนาเดียน ขึ้นเวทีซึ่งเน้นแสงสีตระการตา ขับกล่อมแฟนๆ แล้วจบการแสดงด้วยเพลงฮิต “Blinding Lights”
สู้กันต่อครึ่งหลัง แพทริก มาโฮมส์ ควอเตอร์แบ็กความหวัง “เคซี” ยังฟอร์มฝืด ทำระยะแค่ 47 หลา ต้องส่ง แฮร์ริสัน บัตเกอร์ เตะฟิลด์โกลลูกที่ 3 ระยะ 52 หลา ตีตื้นเหลือ 9-21 อย่างไรก็ตาม บัคส์ ยังคงบุกอย่างไหลลื่น เบรดี ยัดบอลให้ เลียวนาร์ด โฟร์เนตต์ รันนิงแบ็ก ตะลุย 27 หลา ถึงเอนด์ โซน นำห่าง 28-9
สถานการณ์ แคนซัส ซิตี ทรุดหนัก มาโฮมส์ ขว้างยาวถูก แอนทวน วินฟิลด์ เซฟตี อินเตอร์เซ็ปต์ ตรงเส้น 45 หลา แดนตัวเอง ทีมบุก แทมปา เบย์ เน้นเกมวิ่งฆ่าเวลา แล้วเปลี่ยน ไรอัน ซัคค็อป เตะฟิลด์โกล 52 หลา ยืดช่องว่างเป็น 31-9
เข้าสู่ควอเตอร์สุดท้าย “โจรสลัด” เล่นประคองตัว ถอยมารับลึก และทิ้ง ดีเฟนซีฟ ไลน์แมน 4 คน คอยกดดัน มาโฮมส์ จนขว้างบอลสะเปะสะปะ เสียอินเตอร์เซ็ปต์ที่ 2 เหลือ 1 นาทีครึ่ง จบเกม แทมปา เบย์ บัคคาเนียร์ส ฉลองแชมป์สมัยที่ 2 ของแฟรนไชส์ ต่อจากปี 2003
ขณะเดียวกัน เบรดี วัย 43 ปี ยืดสถิติเป็นควอเตอร์แบ็กแชมป์ ซูเปอร์โบว์ลมากสุดเป็น 7 สมัย พร้อมรางวัลผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) รอบชิงชนะเลิศ สมัยที่ 5 ขว้างคอมพลีต 21 จาก 29 ครั้ง ระยะ 201 หลา 3 ทัชดาวน์ ไม่เสียอินเตอร์เซ็ปต์ ส่วน มาโฮมส์ จบการแข่งขัน แบบไร้ทัชดาวน์ครั้งแรกของอาชีพ ขว้างเข้าเป้า 26 จาก 49 ครั้ง ระยะ 270 หลา เสีย 2 อินเตอร์เซ็ปต์ ถือบอลวิ่งเอง 5 ครั้ง ระยะ 33 หลา
