หากถามแฟนบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ว่าใครคือยอดนักเตะขวัญใจของพวกเขาในโมงยามนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าต้องเป็น บรูโน่ เฟอร์นานเดส ดาวเตะชาวโปรตุกีส ที่เข้ามาช่วยยกระดับให้ทีมจากแมนเชสเตอร์ กลับมาแข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่อ
ย้อนไปเมื่อต้นเดือนมกราคม 2020 บรูโน่ ย้ายจาก สปอร์ติง ลิสบอน สู่ถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ค่าตัว 68 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2,765 ล้านบาท) ปรากฏว่า ไม่ต้องปรับตัวอะไรเลยเมื่อใช้เวลาของ พรีเมียร์ ลีก ครึ่งซีซันหลัง พาทีมจบอันดับ 3 ไปเล่น ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก แบบเหลือเชื่อทั้งที่ตอนแรกยังอยู่กลางตาราง ส่วนตัวเองก็ยิงไป 12 ลูก รวมทุกรายการ
ตัดมาซีซันปัจจุบัน กองกลางแดนฝอยทอง ซัดไปแล้ว 9 ประตูในลีก พา “ผีแดง” ขึ้นมาอยู่ที่ 3 มี 26 แต้ม ตาม ลิเวอร์พูล จ่าฝูง 5 แต้ม แต่แข่งน้อยกว่า 1 นัด พลิกเกมให้ทีมของ โอเล กุนนาร์ โซลชา กลับมามีลุ้นแชมป์ลีกแบบเซอร์ไพรส์ ซึ่งแน่นอนว่าความเก่งกาจที่ได้มานี้ เป็นเพราะการลับฝีเท้ามาเป็นอย่างดีสมัยอยู่ที่ อิตาลี
ชีวิตการเป็นนักฟุตบอลอาชีพของ บรูโน่ เริ่มต้นกับทีม โนวาร่า ทีมระดับเซเรีย บี อิตาลี เจ้าตัวเข้ามาอยู่กับทีมตั้งแตชุดเยาวชน ก่อนมีทักษะเข้าตากรรมการจนถูกดันขึ้นชุดใหญ่ปี 2012 ซึ่งซีซั่นนั้นโชว์ฟอร์มยิงไป 4 ประตูในลีก จากการลงสนาม 23 นัด
เมาโร บอร์เกตติ ทีมงานแมวมองของทีม โนวาร่า เล่าว่าตอนนั้น บรูโน่ ไม่ใช่นักเตะที่เก่งกาจ แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนรักคือการพยายามเข้าหาเพื่อนร่วมทีม ถึงจะเป็นคนโปรตุเกส แต่ก็มุ่งมั่นฝึกภาษาอิตาลีอย่างหนักจนสามารถสื่อสารกับเพื่อนร่วมทีมเข้าใจ คุยกับโค้ชรู้เรื่อง กำแพงภาษาไม่ใช่ปัญหาของเจ้าตัวเลย
“เขาทำงานหนักมาก พร้อมกับมุ่งมั่นเรียนภาษาอิตาลีแบบทันที เข้าหาเพื่อนร่วมทีมซึ่งทุกคนก็ต้อนรับเป็นอย่างดี เขากับเพื่อนร่วมทีมมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นมาก บางครั้งคุณแม่หรือแฟนก็แวะมาเยี่ยมที่สโมสรด้วย ขณะเดียวกัน ชื่อเสียงที่เพิ่มพูนขึ้นก็ไม่ได้ตัวเขามีนิสัยเปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย” บอร์เกตติ เล่าถึงอดีต
จุดเด่นที่ บรูโน่ มีสมัย โนวาร่า คือทักษะและวิสัยทัศน์การจ่ายบอล แม้จะยังไม่เฉียบคมมากเพราะยังเด็กแต่ก็มีแววพัฒนาได้ กระนั้น จุดอ่อนมีอย่างเดียวคือร่างกายผอมแห้ง ไม่แข็งแรงเหมือนคนอื่นๆ ทำให้ต้องเน้นฟิตร่างกาย ออกกำลังหนักกว่านักเตะคนอื่น จนตัวใหญ่ขึ้น มีกล้ามเนื้อที่เหมาะแก่การเป็นนักฟุตบอลอาชีพ
ช่วงเวลาของ บรูโน่ ที่ โนวาร่า ถือว่าค่อนข้างสั้นเพราะอยู่ได้ปีเดียวก็โดน อูดิเนเซ่ ทีมดังใน กัลโช่ เซเรีย อา ซื้อไป 4.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 183 ล้านบาท) แพงสุดเท่าที่ทีมเคยขายนักเตะไป ซึ่งพอย้ายไป อูดิเนเซ่ ปี 2013 ผลงานส่วนตัวก็ดีขึ้น ยิงได้มากขึ้น 3 ซีซั่นยิงไป 11 ประตูรวมทุกรายการ
ถัดมา ย้ายไปอยู่ ซามพ์โดเรีย ปี 2016 แต่อยู่ได้แค่ปีเดียวเช่นกันเพราะโดน สปอร์ติง ลิสบอน ทีมจากบ้านเกิดมาเอาตัวไป และนั่นก็ทำให้ บรูโน่ ที่ลับฝีเท้ามาคมมากพอแล้ว แจ้งเกิดอย่างเต็มตัวกดไป 64 ประตูทุกรายการ ตลอด 3 ซีซัน ตั้งแต่ปี 2017-2020
ความขยัน พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ทำให้เมื่อถึงคราวย้ายไป แมนฯยู แข้งทีมชาติโปรตุเกส ก็ทำแบบเดียวกับที่เคยทำสมัยอยู่อิตาลี นั่นคือเข้าเรียนวิชาภาษาอังกฤษ จนสามารถสื่อสารได้ และเมื่อย้ายมา “ผีแดง” ก็คุยกับทุกคนรู้เรื่องหมด เข้าใจแผนการทำงานของ โซลชา เป็นอย่างดี
ประสบการณ์ที่บ่มเพาะมาตลอดตั้งแต่ อิตาลี ถึง โปรตุเกส ทำให้ บรูโน่ กลายร่างเป็นนักเตะที่สมบูรณ์แบบ และสิ่งที่พัฒนาขึ้นด้วยคือความเป็นผู้นำ วิสัยทัศน์การทำเกม ขยันวิ่งไล่บอลไม่มีหมดแรง ทั้งหมดทั้งมวลจึงหล่อหลอมให้เด็กผีทั่วโลกรักใคร่ และเป็นคนที่ทีมขาดไม่ได้ไปเสียแล้ว