วันสุดท้ายของตลาดซื้อ-ขายนักเตะเวที พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ คึกคักพอสมควรเลยทีเดียว เริ่มที่ อาร์เซนอล คว้า โธมัส ปาร์เตย์ กองกลางทีมชาติกานา วัย 27 ปี จาก แอตเลติโก มาดริด หลังจ่ายค่าฉีกสัญญา 45 ล้านปอนด์ หรือ 50 ล้านยูโร พ่วงหนึ่งในข้อตกลงปล่อย ลูคัส ตอร์เรร่า มิดฟิลด์อุรุกวัยให้ “ตราหมี” ยืมตัว
ดีลนี้ แอต.มาดริด แทบไม่มีเวลาหาตัวแทน ปาร์เตย์ แต่การได้ ตอร์เรร่า มาใช้งาน ทำให้ ดิเอโก ซิเมโอเน นายใหญ่ “ตราหมี” ยอมตกลงปล่อยตัวในนาทีสุดท้าย
ซึ่งการที่ อาร์เซนอล อ้างว่า ไม่มีเงินลดค่าต่างๆ ภายในสโมสร แต่ยอมจ่ายค่าเหนื่อย 260,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ภายใต้สัญญา 4 ปีเต็มบวกออปชันอีกปี ให้ ปาร์เตย์ ก็ถือว่าน่าคิดไม่น้อย กระนั้นก็ตาม “ปืนโต” ลดภาระด้วยการโละ มัตเตโอ กูเอ็นดูซี กองกลางให้ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน ยืมตัวใช้งานอีกด้วย
ข้ามไปทางฝั่ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด วันสุดท้ายหัวหมุนไม่น้อยกับการเปิดตัว 4 แข้งเริ่มที่ เอดินสัน คาวานี่ กองกลางประสบการณ์สูงวัย 33 ปี ทีมชาติอุรุกวัย โดยประเคนค่าเหนื่อย 2 ปี มูลค่า 250,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ล่อใจ นอกจากนี้ ยังมอบเลข 7 เบอร์ตำนานให้สวมใส่อีกด้วยแบบนี้เป็นใครจะไม่มา
อีกคนที่น่าสนใจคือ อเล็กซ์ เตเลส แบ็กจาก เอฟซี ปอร์โต ที่ แมนฯยู จ่ายไปที่ 15 ล้านปอนด์ เติมเกมรุกกราบซ้ายสนุกอย่างแน่นอน นอกจากนี้ ยังมีขาที่ทรงพลังยิงไกลกับฟรีคิกหวังผลได้ เพราะที่มีอย่าง ลุค ชอว์ กับ แบรนดอน วิลเลียมส์ ก็ดูจะฟอร์มเข็นไม่ไปแล้ว
แมนฯยู ยังได้ดาวรุ่งอย่าง อาหมัด ดิอัลโล ตราโร ปีกวัย 18 ปีจาก อตาลันตา ค่าตัว 21 ล้านปอนด์ โดยรายนี้จะมาในช่วงเดือนมกราคมปี 2021 สาวก “เรด เดวิลส์” อดใจรอชมฝีเท้าหาคลิปดูไปพลางๆ ก่อน ปิดท้ายที่ ฟาคุนโด เพลลิสตรี ปีกวัย 18 ปีจาก เพนารอล ก็ต้องเสี่ยงดวงกันหน่อยถ้าเกิดฝีเท้าเปรี้ยงปร้างขึ้นมาก็โชคดี
นอกจากนี้ วันสุดท้าย แมนฯยู วืด อุสมัน เดมเบเล ปีกจาก บาร์เซโลน่า ที่ไม่ให้ยืมต้องซื้อขาดกับ อิสไมลา ซาร์ อีกหนึ่งตัวรุกของ วัตฟอร์ด เจรจาไม่ผ่านทั้งคู่
ขณะเดียวกัน แมนฯยู ขาย คริส สมอลลิง ให้กับ โรม่า ด้วยค่าตัว 18 ล้านปอนด์ หลังจากปีที่แล้วยืมตัวใช้งานปีหนึ่งเต็มๆ ปิดฉาก 10 ปีในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด สำหรับกองหลังที่ปัจจุบันวัย 30 ปีแล้ว
เอฟเวอร์ตัน จ่าฝูงที่ออกสตาร์ทชนะ 4 นัดรวด ควักเงิน 25 ปอนด์ซื้อ เบน ก็อดฟรีย์ กองหลังจาก นอริช ซิตี้ อีกทั้งยืม โรบิน โอลเซน มือกาวจาก โรม่า เพื่อกดดัน จอร์แดน พิคฟอร์ม ดีกรีมือ 1 ทีมชาติอังกฤษที่ฟอร์มไม่ค่อยจะอยู่กับร่องกับรอยนัก
วันสุดท้าย ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ พยายามคว้า โจ โรดอน กองหลังวัย 22 ปี แต่ว่าค่าตัว 7 ล้านปอนด์ สวอนซี ซิตี้ ไม่แยแส เพราะต้องการ 18 ล้านปอนด์ นอกจากนี้ “ไก่เดือยทอง” ได้ปล่อย ไรอัน เซสเซอยง แบ็กซ้ายวัย 20 ปี ไปหาประสบการณ์กับ ฮอฟเฟนไฮม์ แบบยืมตัว
ฟูแลม บ๊วยของตารางที่สตาร์ทแพ้รวด 4 นัด สกอตต์ ปาร์คเกอร์ กุนซือหนุ่มยืม ลูเบน ลอฟตัส-ชีก กองกลางมาช่วยหนีตาย โดยยอมจ่ายค่าเหนื่อย 150,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ อีกทั้งยืม โยอาคิม อันแดร์สัน กองหลังเลือดเดนส์มาจาก โอลิมปิก ลียง เพื่อช่วยขันเกมรับอีกด้วย
ส่วนน้องใหม่หน้าเก่า ลีดส์ ยูไนเต็ด ที่ออกตัวดีใช้ได้ 4 นัด มี 7 แต้มคว้า ราฟินยา ปีกตัวเลื้อยเลือดบราซิลวัย 18 ปี มาจาก แรนส์ ด้วยค่าตัว 21 ล้านปอนด์
ปิดท้ายที่ เซาธ์แฮมป์ตัน คว้า ธีโอ วัลค็อตต์ แนวรุกวัย 31 ปี มาจาก เอฟเวอร์ตัน แบบยืมตัว ถือเป็นการกลับถิ่นที่แจ้งเกิดครั้งแรกรอบ 15 ปี นับตั้งแต่ อาร์เซนอล ดึงไปปลุกปั้นเมื่อปี 2005 จนเป็นที่รู้จัก
สรุป 5 บิ๊กดีลตลาดซัมเมอร์นี้ของเวที พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ เริ่มที่ ไค ฮาแวร์ทซ์ ตัวรุกเยอรมันที่ เชลซี ซื้อจาก ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น 72 ล้านปอนด์ ตามด้วย รูเบน ดิอาส กองหลังที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซื้อจาก เบนฟิก้า ค่าตัว 61.2 ล้านปอนด์ อันดับ 3 ติโม แวร์เนอร์ ตัวรุกที่ เชลซี ซื้อจาก ไลป์ซิก ด้วยค่าตัว 47.7 ล้านปอนด์ที่ 4 คือ เบน ชิลเวลล์ แบ็กซ้ายที่ เชลซี คว้าจาก เลสเตอร์ ซิตี้ 45.2 ล้านปอนด์และ นาธาน อาเก้ กองหลังที่ แมนฯซิตี้ สอยมาจาก บอร์นมัธ ค่าตัว 40.7 ล้านปอนด์
แชมป์นักช็อปได้แก่ เชลซี จ่ายไปรวมมากสุด 231 ล้านปอนด์ ตามด้วยที่ 2 แมนฯซิตี้ 141.9 ล้านปอนด์ และที่ 3 คือ สเปอร์ส 85.9 ล้านปอนด์
ก่อนหน้านี้ หลายคนมองว่าเศรษฐกิจไม่ดีจากสถานการณ์เชื้อไวรัสโควิด-19 โจมตีเมื่อกลางฤดูกาลที่แล้ว แต่ภาพรวม พรีเมียร์ ลีก 20 ทีมยังคงเสริมทัพกันแบบกระหน่ำด้วยเม็ดเงินรวมใช้ไปทั้งสิ้น 1,180 ล้านปอนด์ ทีมที่จ่ายเพิ่มจากซัมเมอร์ที่แล้วมี 8 ทีมและทีมที่จ่ายลดลงมี 12 ทีม