"เสี่ยโบ๊ท" ดีใจ หลังรัฐมนตรีท่องเที่ยวและกีฬา ไฟเขียนให้มวยล้อมผ้า (สังกะสี) เวทีภูธรจัดแข่งขันได้ทั่วประเทศ แต่ปัญหาแท้จริงยังรอแก้ไขอีกมากมาย รวมทั้งรอความหวังจาก พรบ.มวยฉบับใหม่
จากกรณี บุคคลวงการมวยภูธรทั่วประเทศ รวมตัวกันเดินทางมาร้องเรียนกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ขอความช่วยเหลือจากภาครัฐให้สามารถกลับมาจัดการแข่งขันชกมวยทั่วประเทศ โดยให้มีผู้เข้าชม พร้อมทั้งยินดีดำเนินตามมาตรการเฝ้าระวังอย่างเคร่งครัดของ ศบค.
ซึ่ง "เสี่ยโบ๊ท" ณัฐเดช วชิรรัตนวงศ์ โปรโมเตอร์ และ ดาบรัน สารคาม พร้อมตัวแทนคนวงการมวยราว 500 คนได้เดินทางไปร้องเรียนเมื่อ 31 ส.ค.ที่ผ่านมา จากนั้นในค่ำวันเดียวกัน สื่อมวลชนได้รับคำยืนยันจาก นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา อนุญาตให้มีการจัดแข่งขันมวยได้ทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2563 เป็นต้นไป
ล่าสุดเมื่อ 1 ก.ย.63 "เสี่ยโบ๊ท" ณัฐเดช วชิรรัตนวงศ์ โปรโมเตอร์เพชรยินดี ซึ่งเป็นหนึ่งในกระบอกเสียงของคนวงการมวยทั่วประเทศ เผยว่า หลังทราบข่าวว่า ทางภาครัฐจะอนุญาตให้กลับมาจัดมวยภูธร หรือที่เรียกว่า "มวยล้อมผ้า"(สังกะสี) ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ก็ถือเป็นเรื่องน่ายินดี แม้ตนเองจะยังไม่เห็นหนังสืออนุญาตอย่างเป็นทางการก็ตาม
"ถึงวันนี้ คนมวยเขาอยากได้เพียงแค่ขอโอกาส ได้กลับมาดำเนินกิจกรรมตามวิถีของพวกเขา ขอลองดูก่อนว่าจะเป็นอย่างไร ขอให้มวยได้กลับมาชกกัน ขอให้มีผู้เข้าชม แม้จะมีกฏระเบียบเฝ้าระวังวิกฤตไวรัสโควิดพวกเขาก็พร้อมปฏิบัติตาม แต่ขอเพียงแค่ได้กลับมาจัดการแข่งขันเพื่อให้มีอาชีพรายได้เกิดขึ้น แต่สิ่งที่จะคาดหวังว่าทุกอย่างจะกลับมาเหมือนเดิมภายในปีนี้นั้น คงจะเป็นไปได้ยาก เพราะต้องยอมรับว่า การจัดมวยทุกวันนี้ รายได้หลักมาจากยอดผู้ชมชาวต่างชาติที่เข้ามาดูเป็นสำคัญ ซึ่งปีนี้คงไม่ทันแน่ และถึงตอนนี้การจัดมวยก็ยังประสบปัญหาขาดทุน เข้าเนื้อกันหมด"
"อย่างกรณี เพชรยินดี จัดมวยในแต่ละสัปดาห์ที่เวทีมวยนานาชาติรังสิต เราบรรจุคู่มวยมากถึง 7-9 คู่ (ต่างจากเวทีทั่วไป 4-5 คู่) ทั้งนี้เพื่อต้องการช่วยเหลือนักมวยเป็นสำคัญ และขอให้หัวหน้าคณะลดค่าตัวนักมวยลงครึ่งหนึ่ง ซึ่งทุกๆฝ่ายก็ยินดีพร้อมใจช่วยเหลือกันเพราะรู้ดีถึงเหตุผลและความจำเป็น ในแต่ละสัปดาห์เราต้องขาดทุนถึง 2-3 แสนบาท แต่ก็เป็นสิ่งที่เพชรยินดียอมกัดฟันจัด"
"เสี่ยโบ๊ท" ขยายความอีกว่า "ปัจจุบันจะมีแฟนมวยเข้าสนามได้เต็มที่ไม่เกิน 200-250 คน ที่โปรโมเตอร์ทำได้ทุกวันนี้ คือกัดฟันประคองตัวสู้ต่อไป เราเองก็ยังมองไม่เห็นว่า ภาครัฐจะเข้ามาช่วยเหลือในส่วนไหนอย่างไรได้บ้าง คงต้องรอการแก้ไข พรบ.มวยฉบับใหม่ ซึ่งขณะนี้กำลังมีการพิจารณากันอยู่ เพราะนับตั้งแต่มี กฏหมายมวยมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2542 เกือบ 20 ปีแล้ว ผมก็ยังไม่เห็นว่าจะมีอะไรดีขึ้น ค่ายมวยปัจจุบันลดลงอย่างน่าใจหาย แฟนมวยถดถอยห่างหายไปจากเวที และก็ยังนึกไม่ออกว่า มีกฏหมายมวยมาแล้ว เคยเอาผิด นักมวยล้ม หรือลงโทษกรรมการทุจริตได้สักกี่ราย เม็ดเงินช่วยเหลือจากภาครัฐ ก็ไม่เคยถึงมือโปรโมเตอร์ หัวหน้าคณะ นักมวย อย่างจริงจังสักเท่าไหร่"
"จึงได้แต่เพียงคาดหวังว่า พรบ.มวยฉบับใหม่ จะให้โอกาสวงการมวยไทยได้ดีขึ้น มีงบประมาณช่วยเหลือถึงมือคนมวยได้มากขึ้น ทุกวันนี้เป็นที่รู้ดีว่า ใครทำมวยก็ไม่มีกำไร แต่ที่ทนอยู่ก็เพราะด้วยใจรักและฝืนกัดก้อนเกลือกินกันทั้งนั้น"