วอลต์เตรี บ็อตทาส นักแข่งรถสูตรหนึ่งจากฟินแลนด์ เผยการเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นสีดำตามแคมเปญต่อต้านการเหยียดผิว Black Live Matters ส่งผลกระทบต่อการขับและร่างกายอย่างมาก
เมอร์เซเดส เอเอ็มจี ฤดูกาลนี้ทำการปรับรูปโฉมทีมใหม่ ด้วยการเปลี่ยนโครงรถให้เป็นสีดำ รวมถึงชุดสูทที่นักแข่งต้องใส่ระหว่างขับขี่เป็นสีดำเช่นกัน แต่เดิมที่เคยใช้สีขาวและสีเงิน อันเป็นสีประจำค่าย "ซิลเวอร์ แอร์โรว์ส"
การเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์นี้มีบ่อเกิดจากแคมเปญต่อต้านการเหยียดผิว ซึ่ง เมอร์เซเดส ให้การสนับสนุนเต็มที่หลังจาก ลูอิส แฮมิลตัน นักขับแชมป์โลกประจำทีมเป็นแกนหลักเรียกร้องความเท่าเทียมแก่คนผิวดำ รวมถึงขอความร่วมมือนักแข่งกับทีมงานคุกเข่าลงหนึ่งข้างก่อนแข่ง
อย่างไรก็ตาม คนที่ไม่ปลื้มกับชุดแข่งสีดำนี้คือ บ็อตทาส ทีมเมทชาวฟินน์ เพราะคิดว่าชุดแข่งตัวนี้ดูดซับความร้อนในสนามเข้าไปในร่างกายมากกว่าปกติ จนกลายเป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตในช่วงที่ต้องลงสนามแข่งขัน
โดยเฉพาะการแข่งขันสนามล่าสุด สแปนิช กรังด์ ปรีซ์ ที่สเปน เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม ที่ผ่านมา บ็อตทาส ที่จบอันดับ 3 ของเรซ ถึงกับสบถผ่านวิทยุทีมงานระหว่างขับขี่บนอุณหภูมิ 34 องศาเซลเซียสว่า "ไอ้ชุดดำนี่แม่งร้อนฉิบหายเลย"
มีการเปิดเผยว่า บ็อตทาส น้ำหนักลดไปถึง 6.6 ปอนด์ในเรซที่ผ่านมา จนต้องบ่นภายหลังว่า "อุณหภูมิในรถมันร้อนมาก ปีนี้มันร้อนกว่าทุกครั้ง เพราะเราเปลี่ยนสีเครื่องแต่งกายและอุปกรณ์ทั้งหมด ซึ่งเป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าสีดำมันดูดซับความร้อนมากกว่าปกติ โดยเฉพาะยามอยู่กลางแสงอาทิตย์"
"ผมไม่รู้ความแตกต่างระหว่างการใช้สีขาวกับสีดำว่าตัวเลขมันต่างกันแค่ไหนเมื่ออยู่กลางแดด แต่ปีนี้บอกเลยว่าตอนที่อยู่ในรถนี่มันโคตรร้อน ผมบอกทีมงานว่ารู้หรือเปล่าว่ามันร้อนมาก สีขาวน่าจะเย็นกว่า และวันนี้ก็เป็นตัวอย่างชัดเจนว่าน้ำหนักผมหายไป 3 กก. มันเยอะมากเลยนะ"