xs
xsm
sm
md
lg

ชำแหละมูลค่านอกสนาม ลุคแพงของ "โรเจอร์ เฟเดอเรอร์" นักกีฬาเป๋าตุงที่สุด พ.ศ. นี้

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ฟอร์บส นิตยสารทางการเงินชื่อดังของสหรัฐอเมริกา เปิดเผยรายชื่อนักกีฬาที่มีรายได้มากที่สุดในรอบ 1 ปี (นับวันที่ 1 มิถุนายน 2019 - 1 มิถุนายน 2020) ปรากฏว่าคนที่ครองอันดับ 1 ครั้งนี้ไม่ใช่ซูเปอร์สตาร์จากวงการฟุตบอลอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ หรือ ลิโอเนล เมสซี แต่เป็น โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ นักเทนนิสจอมเก๋าขวัญใจแฟนๆลูกสักหลาด และเป็นนักเทนนิสคนแรกที่ครองตำแหน่งนักกีฬาที่รวยที่สุดนับตั้งแต่จัดอันดับมา

เฟเดอเรอร์ ปัจจุบันอายุ 38 ปี แต่ยังคงโลดแล่นในวงการเทนนิส สามารถลงแข่งขันรายการอาชีพของ เอทีพี ทัวร์ รวมถึง แกรนด์ สแลม ซึ่งเป็นรายการระดับสูงได้ดี รอบ 1 ปีที่ผ่านมา ชายวัยใกล้ 40 ยังมือไม่ตกเก็บแชมป์ได้อีก 4 รายการ แถมยังเป็นรองแชมป์ วิมเบิลดัน ทำให้เจ้าตัวเก็บเงินรางวัลไปถึง 6 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 200 ล้านบาท) แต่ก็เทียบกับเงินสปอนเซอร์นอกสนามไม่ได้เลยเพราะต่างกันมากโข

เฟดเอ็กซ์ วัย 38 ปีแต่มูลค่ายังมหาศาล

แชมป์ แกรนด์ สแลม 20 สมัย ได้อันดับ 1 ของฟอร์บส จากตัวเลขรายรับนอกสนามที่เขาทำเงินไปทั้งสิ้น 106.3 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 3,380 ล้านบาท) แน่นอนว่าต้องขอบคุณสปอนเซอร์ บริษัทต่างๆที่ให้การสนับสนุนเจ้าตัวเป็นอย่างดี แต่ขณะเดียวกันต้องยอมรับว่า เฟเดอเรอร์ จะเป็นนักกีฬาที่เนื้อหอมในสายตาสปอนเซอร์ไม่ได้หากไม่มีภาพลักษณ์ในวงการที่ดี และฟอร์มการเล่นที่ยังเก่งกาจยาวนานถึงวันนี้


“มูลค่าและภาพลักษณ์ของเขา (เฟเดอเรอร์) มีความบริสุทธิ์ขาวสะอาด ซึ่งนั่นทำให้เขาสามารถปรับตัวรับงานกับบริษัทไหนก็ได้” เดวิด คาร์เตอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจในวงการกีฬา ให้ความเห็น

โรเล็กซ์ แบรนด์นาฬิการะดับหรู

มีแบรนด์มากมายให้การดูแล เฟเดอเรอร์ อย่างยาวนาน เริ่มที่ “ไนกี้” รายนี้หนุนหลังตั้งแต่สมัยเริ่มต้นอาชีพเมื่อปี 1996 และอยู่เคียงข้างทุกความสำเร็จ ไม่ว่าได้แชมป์รายการไหน ไนกี้ จะปรากฏตัวบนเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ของ “เฟดเอ็กซ์” จนกลายเป็นสิ่งที่อยู่คู่กัน และไนกี้ ก็มอบเงินให้ปีละ 9.4 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 300 ล้านบาท) และมีการเปิดเผยว่าหวดเลือดสวิส ได้เงินจากพวกเขาไปแล้วถึง 150 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 4,750 ล้านบาท)


ครั้นเมื่อสัญญาสิ้นสุดลงเมื่อปี 2018 นักหวดดีกรีมือ 1 ของโลก มองหาผู้สนับสนุนรายใหม่ก่อนลงเอยที่ “ยูนิโคล่” แบรนด์เสื้อผ้าชื่อดังจากญี่ปุ่น เงินจำนวน 276 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 8,710 ล้านบาท) ที่พวกเขามอบให้ตลอดสัญญา 10 ปีทำให้เครื่องนุ่มห่มยี่ห้อดังจากแดนปลาดิบ กลายเป็นคู่หูบนสนามรายใหม่ของ “พี่เฟด” โดยปริยาย ซึ่งสิ่งที่ทำให้เขาตอบรับสัญญานี้เพราะ ยูนิโคล่ ยืนยันจะดูแลเขาไปยาวๆ แม้ถึงวันที่เลิกเล่นก็ยังซัพพอร์ตต่อไป



ถัดมาคือ “โรเล็กซ์” นาฬิกานามอุโฆษจากสวิตเซอร์แลนด์ นาฬิกายี่ห้อนี้มีชื่อเสียงสนั่นโลกมานาน แต่การเซ็นสัญญาดึง เฟเดอเรอร์ ผู้ซึ่งมีภาพลักษณ์สุภาพบุรุษนักกีฬาเป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์ ภายใต้สัญญาปีละ 6 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 200 ล้านบาท) ทำให้ โรเล็กซ์ กลายเป็นนาฬิกาที่ใครๆก็อยากได้ และทุกครั้งที่ เฟเดอเรอร์ ชูถ้วยแชมป์ นาฬิกาโรเล็กซ์บนข้อมือซ้ายของเขาก็ถูกโปรโมตออกสื่อไปทั่วโลกด้วย กระตุ้นให้ทุกคนต้องไปหามาเป็นเจ้าของ


“เมอร์เซเดส เบนซ์” รถยนต์หรูจากเยอรมนี ดึงยอดนักหวดชาวสวิสมาร่วมงานตั้งแต่ปี 2008 และต่อสัญญาใหม่ไปหมาดๆ นอกจากเงินสนับสนุนปีละ 5 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 160 ล้านบาท) ยังส่งรถคันงามมาให้ใช้ที่บ้านทุกครั้งที่ออกรุ่นใหม่ ตอบแทนที่ช่วยทำให้ยอดขาย เมอร์เซเดส ในเมืองจีนดีขึ้นอย่างต่อเนื่องเพราะแฟนคลับชาวแดนมังกรก็อยากมีรถแบบเดียวกับที่ เฟเดอเรอร์ ขับขี่ทั้งนั้น



“เครดิต ซุส” ธนาคารชื่อดังของสวิตเซอร์แลนด์ อีกหนึ่งสปอนเซอร์ที่ขออยู่เคียงข้างด้วยสัญญาปีละ 1.8 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 59 ล้านบาท) และสนับสนุนโครงการช่วยเหลือผู้ยากไร้ภายใต้กองทุน โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ ฟาวเดชั่น เสมอมา


เป็นผู้ชายก็ต้องโกนหนวด “ยิลเล็ตต์” เจ้าพ่อผลิตภัณฑ์โกนหนวดระดับโลก ดึงนักหวดยอดฝีมือมาเล่นโฆษณาและเป็น แบรนด์ แอมบาสเดอร์ อีกยี่ห้อด้วยสัญญา 1.8 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 59 ล้านบาท) ต่อปี แม้หมดสัญญาไปเมื่อปี 2015 แต่ทุกวันนี้นักหวดคุณพ่อลูก 4 ก็ยังใช้ ยิลเล็ตต์ โกนหนวดเหมือนเดิม นอกจากนี้ยังมี “โมเอต์ แอนด์ ชานดง” แชมเปญเลิศรส มอบเงินให้ปีละ 7 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 237 ล้านบาท) และออกแชมเปญรุ่นลิมิเต็ด ฉลอง 20 ปีในวงการลูกสักหลาดให้อีก



ยังมีแบรนด์อีกมากมายสนับสนุนทั้ง “บาริลล่า” ผู้ผลิตเส้นพาสต้าชื่อดัง ดึงตัวมาเล่นโฆษณาด้วยค่าตัว 44 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1,390 ล้านบาท) ช็อกโกแลตสุดอร่อย “ลินด์” ผลิตภัณฑ์จากบ้านเกิด ให้อีก 18 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 600 ล้านบาท) และ วิลสัน แร็กเกตระดับโลก มอบอาวุธให้ไปหวดใส่คู่แข่งและเงินแถมอีกปีละ 2.5 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 80 ล้านบาท)


ทั้งหมดทั้งมวลนี้ไม่ใช่สิ่งที่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่เป็นเพราะการรักษามาตรฐานผลงานและความเป็นมืออาชีพ รวมถึงภาพลักษณ์ที่ดีงาม จนทำให้บริษัทห้างร้านต่างๆอยากนำเงินมาประเคนให้ชายยอดนักเทนนิสคนนี้ ซึ่งส่งเสริมมูลค่าสินค้าได้เป็นอย่างดี และเชื่อว่าเมื่อถึงวันที่แขวนแร็กเกต โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ ก็จะมีสถานะเหมือน เดวิด เบ๊คแฮม อดีตนักฟุตบอลซูเปอร์สตาร์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ยังคงสร้างมูลค่านอกสนามได้ต่อเนื่องจนถึงวันนี้


กำลังโหลดความคิดเห็น