คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน ราชวังสัน
ผู้คนยังขี่จักรยานตามท้องถนนในเมืองไทยน้อยมาก ทั้งๆที่มันดีต่อสุขภาพ ไม่ก่อให้เกิดมลพิษ ทั้งด้านเสียงและอากาศ และยังประหยัดอีกต่างหาก ในขณะที่ชาติในทวีปยุโรปนั้น ผมเห็นนิยมขี่จักรยานกันมากทีเดียว ลำดับต้นๆของโลกเลยต้องยกให้ เนเธ่อร์แลนด์ส เจ้าของฉายาในวงการฟุตบอล เดอะ ฟลายอิ้ง ดัทช์เม็น (The Flying Dutchmen) รองแช้มพ์โลก 3 สมัยนั่นเอง
คนที่เคยไปเยือน กรุงอัมสเตอร์ดัม เมืองหลวงของ เนเธ่อร์แลนด์ส น่าจะต้องเคยเกือบถูกจักรยานชนกันบ้าง ที่นั่นจักรยานถูกใช้เป็นพาหนะในการเดินทางแพร่หลายมาก ขนาดนับจำนวนกิโลเมตรของการคมนาคมด้วยจักรยานได้เท่าๆกับรถไฟเลยทีเดียว เขามีจักรยานถึง 18 ล้านคัน มากกว่าจำนวนประชากรที่มีแค่ 17,424,978 คนซะอีก และมีจำนวนมากกว่ารถยนต์ที่เห็นแล่นอยู่บนท้องถนนแค่ 9 ล้านคันถึง 2 เท่า
ในปี 2013 สหพันธ์จักรยานแห่งทวีปยุโรปเก็บรวบรวมสถิติที่ทำให้เราเห็นได้ว่า ชาวดั๊ทช์ เลือกใช้จักรยานในการเดินทางเป็นประจำถึง 36% รองลงมาคือ เด็นมาร์ค อยู่ที่ 23% ซึ่งทางเทศบาลได้จัดวางโครงสร้างพื้นฐานให้เป็นอย่างดี ตามถนนหนทางที่จอแจนั้นจะมีช่องทางของจักรยานแยกออกจากรถยนต์นับเป็นระยะทางรวมได้ถึง 35,000 กิโลเมตร ติดตั้งอุปกรณ์ให้ความสะดวกสำหรับนักปั่นโดยเฉพาะ เช่น สัญญาณไฟจราจร และยังมีที่จอดจักรยานไว้ให้ตามสถานที่ต่างๆ เช่น สถานีรถไฟ หรือ ย่านใจกลางเมือง
เมื่อพูดถึงการออกกำลังกายด้วยการขี่จักรยานหรือจะเป็นวิ่งจ๊อกกิ้งก็ตาม ที่มหาวิทยาลัย อายน์โทเฟิ่น (Eindhoven University of Technology) ของ เนเธ่อร์แลนด์ส และ มหาวิทยาลัย ลูแว็ง (Université catholique de Louvain) ของ เบ็ลเจี้ยม ได้มีการศึกษาเรื่องการแพร่เชื้อ โคโรนาวายรัส จากกิจกรรมดังกล่าว ซึ่งผลการศึกษาเรื่องนี้กลายเป็นข้อแนะนำที่สำคัญที่นักปั่นจักรยานและนักวิ่งต้องให้ความสนใจ นั่นคือการขี่หรือวิ่งเคียงคู่ในระนาบเดียวกันจะมีโอกาสลดการแพร่เชื้อได้ดีกว่าการขี่หรือวิ่งตามกัน ทั้งนี้ ต้องมีการทิ้งระยะให้ห่างพอสมควรด้วย
จากการทดลองของมหาวิทยาลัย ทำให้พบว่าละอองน้ำลายและสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อที่ถูกปล่อยออกมาจากร่างกายคนที่กำลังเดิน วิ่ง หรือขี่จักรยาน ด้วยความเร็วระหว่าง 4 ถึง 14 กิโลเมตรต่อชั่วโมงจะฟุ้งกระจายไปด้านหลัง ทำให้ผู้ที่ตามอยู่ด้านหลังมีโอกาสติดเชื้อได้มากกว่าผู้ที่เดิน วิ่ง หรือขี่จักรยานเคียงข้างกันอย่างชัดเจน อันนี้เป็นผลที่เกิดจากกระแสล้มที่ถูกพุ้ยไปข้างหลังที่เรียกว่า Slipstream ดังนั้น หากเดินตามอยู่ด้านหลังระยะห่างที่เหมาะสมต้องอย่างน้อย 4-5 เมตร ถ้ายิ่งวิ่งหรือขี่จักรยานตามหลัง ระยะห่างต้องเพิ่มเป็น 10 เมตร และหากเป็นการปั่นจักรยานอย่างเร็วจี๋นั้น ต้องทิ้งระยะห่างไม่น้อยกว่า 20 เมตร
ถ้ามันยากนักก็คงต้องหันไปออกกำลังด้วยจักรยานอีกชนิดหนึ่งคือ จักรยานออกกำลังกาย (Stationary bicycle) ซึ่งความหมายคือ จักรยานอยู่กับที่ จักรยานดังกล่าวเขามีการเรียกชื่อต่างๆกันมากมาย เช่น exercise bicycle หรือ exercise bike บางคนเรียกตรงตัวว่า จักรยานสำหรับปั่นเลยคือ spinning bike หรือนำคำมาผสมกันเป็น exercycle ก็มี ในขณะที่ ฝรั่งเศส ยังมีคำว่า เวโล ดั๊ปปารเตอะม็อง (Vélo d’appartement) มาเรียกจักรยานประเภทนี้อีก หมายถึง จักรยานในห้องพัก
ในยุคที่ต้องระวัง โคโรนาวายรัส แพร่กระจายและต้องกักตัวอยู่กับบ้าน มันก็จำเป็นที่จะต้องนำจักรยานออกกำลังกายที่เคยถูกทิ้งไว้เฉยๆในตู้เสื้อผ้า ในโรงรถ หรือบางคนอาจใช้เป็นที่แขวนเสื้อผ้า ถุงเท้า ออกมาปัดฝุ่นเพื่อใช้ออกกำลังกายโดยไม่ต้องออกจากบ้าน นี่เป็นวิธีการออกกำลังกายที่ปลอดภัยจากการติดโรคระบาดได้ดีที่สุด ทำให้รู้สึกเหมือนกับมันออกมาล้างแค้นเราที่เคยละเลยมันไปซะนาน
ล่าสุดจากคำกล่าวของ เอ็มมานูเอ็ล มาครง (Emmanuel Macron) ผู้นำของ ฝรั่งเศส ได้ประกาศต่อเวลาการอยู่กับบ้านไปถึงวันที่ 11 พฤษภาคมนี้ และแย้มความเป็นไปได้ที่จะเปิดให้กิจกรรมสาธารณะที่ผู้คนจะมารวมตัวกันมากๆ ซึ่งรวมทั้งทางด้านกีฬาด้วย สามารถกลับมาจัดได้ตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคมนี้ ทำให้ ตูร เดอ ฟร้องส์ ครั้งที่ 107 (Tour de France 2020) การแข่งขันจักรยานทางไกลที่หฤโหดที่สุดในโลกจะได้กลับมาจัดการแข่งขันกันค่อนข้างแน่นอน เพียงแต่เลื่อนจากกำหนดเดิมวันที่ 27 มิถุนายน ถึง 19 กรกฎาคม ไปเริ่มในวันที่ 25 กรกฎาคม ถึง 16 สิงหาคมนี้ครับ