แม้ลีกลูกหนังอาชีพในประเทศไทยลงทำการแข่งขันไม่ได้ และมีอันต้องเลื่อนออกไปเนื่องจากผลกระทบในปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่วงการฟุตบอลไทย ก็มีเรื่องหยิบยกมาให้พูดถึงกันอย่างต่อเนื่อง ประเด็นดราม่าสดๆร้อนๆ ระหว่าง "โค้ชโชค" โชคทวี พรหมรัตน์ ที่ปัจจุบันกลายเป็น "อดีต" เฮดโค้ชของการท่าเรือ เอฟซี ถูกทีม "สิงห์เจ้าท่า" ประกาศแยกทางเป็นที่เรียบร้อย พร้อมตั้ง "เซอร์เด็จ" จเด็จ มีลาภ หวนคุมทีมอีกคำรบ
เรื่องดังกล่าวแน่นอนว่าร้อนระอุไปทั่วโลกโซเชียล ซึ่งภายหลังได้สืบทราบมาว่าเป็นปัญหากันโดยตรงระหว่างตัวของ "โค้ชโชค" กับตัวของประธานสโมสรหญิงแกร่ง "มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเรื่อง "ดราม่า" ขึ้นกับตัวของโชคทวี พรหมรัตน์ อดีตปราการหลังทีชาติไทยรายนี้
ต้องขอเท้าความย้อนกลับไปเสียหน่อย โชคทวี พรหมรัตน์ เคยผ่านเรื่องดราม่าที่โด่งดังมากที่สุดครั้งหนึ่งในวงการฟุตบอลไทย นั่นคือการมีปัญหากับเพื่อนซี้ อย่าง "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง อดีตกุนซือใหญ่ทัพ "ช้างศึก" ทีมชาติไทย ตั้งแต่ราวๆปี 2015 เป็นต้นมา
"โค้ชโชค" พาขุนพล "ช้างศึก" ทีมชาติไทย คว้าเหรียญทองซีเกมส์ 2015 ที่ประเทศสิงคโปร์ สมัยที่ "บังยี" วรวีร์ มะกูดี ยังนั่งแท่นนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ซึ่งหลังจากที่เขาพาทีมชาติไทย ประสบความสำเร็จที่ประเทศสิงคโปร์ แต่ข่าวที่ออกไปตามหน้าสื่อตัวของ โชคทวี เอง กลับรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้รับการยอมรับเท่าที่ควร และคนยังคงไปโฟกัสแต่ "ซิโก้" เพียงอย่างเดียว ทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนพาทีมไปคว้าเหรียญทองมาแท้ๆ ยิ่งมีวลีเด็ดของกุนซือจอมตีลังกาที่หลุดปากออกมาว่า "ซีเกมส์ใครไปคุมก็คว้าแชมป์" ยิ่งทำให้อดีตปราการหลังช้างศึกรายนี้น้อยใจมากเป็นทวีคูณ
เหตุการณ์หลังจากนั้นเหมือนจะเพิ่มดีกรีความร้อนแรง เมื่อ "โค้ชโชค" ประกาศว่าเตรียมตั้งโต๊ะแถลงข่าวถึงเบื้องลึกบางอย่างของ "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ซึ่งตอนนั้นหลายฝ่ายมองไปในทิศทางเดียวกันว่าเป็นเรื่องของ "ผลประโยชน์" และ "เงิน" ที่ตัวของ "ซิโก้" ได้รับจากทีมชาติไทย แต่สุดท้าย "บังยี" นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ในยุคนั้น ก็มาเป็นกาวใจ จับทั้งคู่มาแถลงข่าวด้วยกัน และโชคทวี ก็ไม่มีโอกาสได้พูดถึงเรื่องดังกล่าว ซึ่งการแถลงข่าว ณ เวลานั้น กลายเป็นการเคลียร์ใจกันระหว่าง "ซิโก้" กับ "โค้ชโชค" แทนที่จะเป็นการออกมาแฉของอีกฝ่าย และเรื่องนี้ก็สิ้นสุดลงไปแบบงงๆ แต่ที่แน่ๆคือได้ยินมาว่า "โชคทวี" ขอร่วมงานกับ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง อีก แม้จะเป็นเพื่อนรักสมัยเล่นทีมชาติไทยด้วยกันก็ตาม
หลังสิ้นสุดงานทีมชาติไทยเมื่อปี 2015 โชคทวี พรหมรัตน์ ก็มิได้หายหน้าหายตาไปไหน รับงานเป็นคอมเมนเตเตอร์ในเคเบิ้ลทีวีอยู่บ่อยครั้ง และเปิดอะคาเดมีสอนฟุตบอลแก่เด็กๆ รวมไปถึงรับจ๊อบคุมทีมสโมสร อย่าง อุดรธานี, โดม เอฟซี, เชียงใหม่ เอฟซี ได้เข้ามาเป็นผู้ช่วยทีมชาติไทยในยุคมิโลวาน ราเยวัช แบบสั้นๆ ก่อนที่สุดท้ายจะได้รับโอกาสสำคัญจาก "มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ ในการกุมบังเหียนทีม "สิงห์เจ้าท่า" การท่าเรือ เอฟซี เมื่อกลางฤดูกาล 2019 ที่ผ่านมา
เหมือนชีวิตจะดำเนินไปได้สวยหรู เมื่อโชคทวี พรหมรัตน์ พาการท่าเรือ เอฟซี ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในช่วงปลายฤดูกาล 2019 พาทีมได้ลุ้นแชมป์ลีกจนถึงนัดท้ายๆ และยังพาทีมเถลิงแชมป์เอฟเอ คัพ เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี อีกต่างหาก แต่แล้วเรื่องดราม่าก็บังเกิดขึ้นกับตัวของเฮดโค้ชรายนี้อีกคำรบ เมื่อต้นปี 2020 ที่ผ่านมา ผู้บรรยายกีฬาชื่อดังรายหนึ่งทวิตข้อความในทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า ภายในทีมการท่าเรือ เอฟซี กำลังมีปัญหา เพราะมีนักฟุตบอลดีกรีทีมชาติไทยรายหนึ่ง ตะโกนด่ากับโค้ช ระหว่างเกมอุ่นเครื่องของทีม
สืบกันไปสืบกันมาจนได้ความว่า "โค้ชโชค" โชคทวี พรหมรัตน์ มีปัญหากับ "นนท์" นิติพงษ์ เสลานนท์ แบ็คขวาทีมชาติไทย ในเกมอุ่นเครื่องของการท่าเรือ เอฟซี ที่พบกับทีมจากเกาหลีใต้ เพื่อเตรียมตัวก่อนเปิดฤดูกาลใหม่ในศึกไทยลีก 2020 มีการด่าทอกันอย่างรุนแรง ถึงขั้นใช้คำหยาบคาย ซึ่งสุดท้ายนักฟุตบอลคนดังกล่าวก็ออกมายอมรับว่าเคยอารมณ์เสียแต่โค้ชโชคจริง แต่ได้มีการเคลียร์ใจกันแล้ว
เรื่องนั้นเหมือนจะเงียบๆไปเพราะฤดูกาลของไทยลีก 2020 ได้เริ่มต้น "สิงห์เจ้าท่า" ออกสตาร์ทได้ดีเช่นเคยในปีนี้ เก็บไป 10 คะแนน จาก 4 นัด แต่สุดท้ายต้องมาเจอกับปัญหาไวรัสโควิด-19 ทำให้ฤดูกาลนี้ต้องเลื่อนการแข่งขันออกไปอย่างหลีกเลี่ยงมิได้
ทันใดนั้นก็เกิดเรื่องดราม่าขึ้นอีกครั้งเมื่อการท่าเรือ เอฟซี ออกมาประกาศแยกทางกับ "โค้ชโชค" อย่างเป็นทางการ พร้อมตั้ง จเด็จ มีลาภ กลับมาคุมทีมแทน ข่าวดังกล่าวทำให้แฟนบอลต่างสงสัยเป็นอย่างมากว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะผลงานของทีมก็กำลังไปได้สวย แต่จู่ๆก็ดันมาปลดโค้ชเสียอย่างนั้น
หลังข่าวออกไปได้เพียงวันเดียว โชคทวี พรหมรัตน์ ก็ไปให้สัมภาษณ์กับนักข่าวฟุตบอลไทยชื่อดังรายหนึ่ง เปิดเผยเบื้องลึกเบื้องหลังว่าจริงๆแล้ว ตนมีปัญหาขัดแย้งกับ "มาดามแป้ง" ประธานสโมสทีมสิงห์เจ้าท่า จริง ซึ่งเรื่องการ "ขัดใจ" จึงเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ต้องแยกทางกัน
"ผมไม่มีปัญหากับนักเตะ ทุกคนโอเคกับผมหมด และนักเตะทุกคนก็ช็อคกับเรื่องที่ผมต้องแยกทางกับสโมสร เราต้องพูดตรงๆ มันอยู่ที่ผลงาน ถ้าเราจัดตัวไปแล้ว และพลาด เราก็ต้องรับผิดชอบ แต่ทีนี้เวลาซ้อมเรารู้ทุกคนอยู่แล้วว่าใครเล่นเป็นยังไง แต่ถ้าจู่ๆจะมาเปลี่ยนทั้งๆที่เขายังเล่นได้ดีอยู่ ผมจะไปพูดกับนักบอลยังไง ไม่งั้นเราจะเป็นโค้ชทำไม จะมีโค้ชไว้ทำไม ทุกคนรู้อยู่แล้วว่า โชคทวี เป็นยังไง มันอาจจะมีก้าวร้าวบ้าง ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องนี้ที่เป็นสาเหตุ" โชคทวี เผย
เมื่อ "โค้ชโชค" ออกมาเปิดเผยเรื่องราวการขัดแย้งภายในทีมการท่าเรือ เอฟซี ไม่นานนัก "มาดามแป้ง" ก็ออกมาแถลงตอบโต้อย่างทันควัน ซึ่งได้รับการกระซิบกระซาบมาว่าการที่โชคทวี เอาเรื่องภายในของสโมสรไปพูดต่อสาธารณชน สร้างความไม่พอใจเป็นอย่างมากแก่นายหญิง อย่าง นวลพรรณ ล่ำซำ ประธานสโมสรของยอดทีมย่านคลองเตย
โดยเนื้อความของ "มาดามแป้ง" ที่ร่ายยาวผ่านเฟซบุ๊กของการท่าเรือ เอฟซี จับใจความสำคัญโดยสรุปได้ว่า "การทำงานร่วมกัน ไม่เรียกแทรกแซง" และตัวของประธานสโมสรหญิงรายนี้ยึดถือคำว่า "ไม่ฆ่าน้อง ไม่ฟ้องนาย ไม่ขายเพื่อน" เป็นหลัก ซึ่งตัวของนวลพรรณ ล่ำซำ เอง ออกมายอมรับว่าไม่ได้คิดจะเพิ่งเปลี่ยนแปลงตำแหน่งเฮดโค้ช แต่มีการวางแผนจะเปลี่ยนหน้าที่ตรงนี้มาไม่ต่ำกว่า 3 เดือนแล้ว และยิ่งการตกรอบเพลย์ออฟฟุตบอลเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก ด้วยการแพ้ เซเรส เนกรอส ทีมจากฟิลิปปินส์ คาบ้าน 0-1 ต่อเนื่องด้วยความพ่ายแพ้ต่อ สิงห์ เชียงรายฯ ในศึกไทยแลนด์ แชมเปียนส์ คัพ 2020 ด้วยสกอร์ 0-2 ยิ่งตอกย้ำว่าทีมควรมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งเฮดโค้ชจริงๆ
จริงๆเรื่องนี้จะไม่ดราม่าเลยถ้าหาก "โค้ชโชค" ทำตามสัญญา เมื่อแยกทางกันแล้ว รับเงินชดเชยไปตามปกติ ซึ่งได้สืบทราบมาว่าตัวของโชคทวี พรหมรัตน์เอง ได้รับเงินชดเชยพอสมควรซึ่งก็เป็นไปตามวิถีอาชีพ และเรื่องทุกอย่างเงียบ แต่สุดท้ายกลายเป็นกุนซือรายนี้ดันเอาเรื่องของสโมสรออกไปแพร่งพรายต่อสาธารณชน ทั้งๆที่มันเป็นเรื่องภายในของสโมสร โดยนักข่าวพยายามตามสัมภาษณ์ "มาดามแป้ง" ถึงเรื่องดังกล่าวโดยละเอียด แต่ประธานสโมสรการท่าเรือ เอฟซี บอกไม่อยากพูดถึงมันแล้ว ปล่อยให้โพสต์นั้นเป็นโพสต์สุดท้ายที่จะพูดถึงเรื่องดราม่านี้
ก็ไม่รู้ว่าอนาคตของ "โค้ชโชค" โชคทวี พรหมรัตน์ หลังจากนี้จะเป็นอย่างไร แต่วิถีฟุตบอลเดี๋ยวก็เวียนมาบรรจบกันอีกครั้ง ทว่าเรื่องนี้ถือเป็นหนึ่งในบทเรียนสำคัญของ โชคทวี พรหมรัตน์ อดีตสุดยอดปราการหลังทีมชาติไทย ที่ต้องนำกลับไปคิดทบทวนให้ถี่ถ้วนอีกครั้ง....