คอลัมน์ “สกอร์บอร์ด” โดย “แมวดำ”
ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับการแข่งขันฟุตบอลเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก 2020 สำหรับนัดแรกในรอบแบ่งกลุ่ม ในฐานะคนไทย เรามี 2 ทีมให้ติดตาม ประกอบด้วย สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด แชมป์ไทยลีก 2019 และ โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส แชมป์เจลีก 2019 ที่มีแบ็กซ้ายซูเปอร์สตาร์อย่าง ธีราทร บุญมาทัน ร่วมทีมอยู่ด้วย
เริ่มจาก สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ที่อยู่ในสายหินเอาการอยู่ เมื่อต้องเจอทีมร่วมสาย อี ประกอบด้วย เมลเบิร์น วิคตอรี่ (ออสเตรเลีย), ปักกิ่ง กั๋วอัน (จีน), เอฟซี โซล (เกาหลีใต้) ซึ่งนัดแรกแชมป์ไทยลีกก็ต้องพบกับ เมลเบิร์น วิคตอรี่ ที่สนาม เรคแทงกูลาร์ และแพ้ไปด้วยสกอร์ 0-1 จากการเสียจุดโทษ นาทีที่ 25 เมื่อ ธนะศักดิ์ ศรีใส ปราการหลังชาวไทย ไปกอด โอลา ตอยโวเนน กองหน้าดีกรีทีมชาติสวีเดน และก็เป็นหอกวัย 33 ปี ยิงเข้าไป ก่อนทีม "กว่างโซ้ง" จะเหลือผู้เล่น 10 คน ช่วงท้ายเกม เมื่อ ถิรายุ บรรหาร ตัวสำรองไปกระโดดเสียบขาคู่ใส่คู่แข่ง จนโดนใบแดงไล่ออกจากสนามไป
จะว่าไปรูปเกม เชียงราย ก็ไม่ได้เป็นรองอะไรเลย เมื่อดูได้ตาเปล่า พอลงไปดูสถิติต่างๆ ระหว่างเกม ก็ยิ่งชัด เมื่อคู่แข่งได้ยิง 11 ครั้ง (เข้ากรอบ 3 ครั้ง) เชียงราย ได้ยิง 8 ครั้ง (เข้ากรอบ 1 ครั้ง), ครองบอล คู่แข่ง 56.3% ส่วน เชียงราย 43.7%
ยิ่งหลังเกม ตอยโวเนน ที่เคยผ่านการค้าแข้งกับทีมดัง อาทิ มัลโม, พีเอสวี, เรนส์, ซันเดอร์แลนด์, ตูลูส ยังออกมายอมรับว่า แม้จะได้ 3 แต้ม แต่เป็นเกมที่ยาก เพราะ เชียงราย ทำให้พวกเขาทำงานเหนื่อยมากขึ้นในสนาม
อีกสิ่งที่เห็นได้ชัดคือการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินระดับเอเชีย ชัดเจนมากว่าแตกต่างกับผู้ตัดสินในไทยลีก หลายจังหวะ นักฟุตบอลไทย เสียบอลจากการโดนคู่แข่งเข้าบอล แล้วก็ไม่ฟาล์ว ขณะที่การเล่นในบ้านเรานักฟุตบอลไทยลีก จะหยุดเรียกผู้ตัดสินมาเป่าฟาล์วให้เลย ซึ่งมันผิดกันเยอะ ไม่ได้เข้าข้างผู้ตัดสินต่างแดน เพื่อเหยียดข่มนักฟุตบอลบ้านเรา แต่มันเห็นได้แทบทุกครั้งที่เราต้องออกไปแข่งขันรายการระดับเอเชีย ทั้งระดับชาติ และสโมสร ที่เขามีมาตรฐานคนละรับดับกับกรรมการไทยลีก และเราต้องยอมรับและพัฒนาตัวเองไปสู่จุดนั้นให้ได้
เกมนี้ได้เห็นแววว่าผู้เล่นไทยหลายคนโดดเด่นมาก โดยเฉพาะในรายของ ศิวกรณ์ เตียตระกูล แนวรุก เชียงราย ที่ราศีจับเสียเหลือเกิน และอีกหลายๆ คนก็อยู่ในทรงบอลที่ดี หากว่ายังรักษามาตรฐานแบบนี้เอาไว้ได้ เชียงราย ก็จัดว่ามีลุ้นสำหรับผ่านเข้ารอบแบ่งกลุ่มเช่นกัน
อีกคู่เป็นการดวลกันในกลุ่ม เอช ระหว่าง ชุนบุค ฮุนได มอเตอร์ส พบ โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส ซึ่ง ทีมของ ธีราทร บุกไปเอาชนะ 1-2 นัดนี้ถือว่า แชมป์เจลีก เหนือกว่ามาก ไม่ว่าจะโอกาสยิง 19 ครั้ง (เข้ากรอบ 7 ครั้ง) ส่วน ชุนบุค ยิง 7 ครั้ง (เข้ากรอบ 2 ครั้ง) อีกทั้งการครองบอล เจ้าบ้านจากเกาหลีใต้ ก็ทำได้เพียง 32.1 % ส่วน มารินอส ครองได้ 67.9 % แถมเกมนี้เจ้าถิ่นก็เข้าบอลดุเดือดเหลือเกิน โดนใบแดงไปถึง 2 คน
และต้องยอมรับว่าโอกาสมหาศาลของ มารินอส ที่จะได้ประตูมากกว่านี้มีเยอะมาก แต่กลับทำไม่ได้เอง จนแฟนบอลไทยหลายคนก็ออกอาการหัวร้อนพากันตำหนิผู้เล่นแนวรุกทีมแชมป์เจลีก หลายราย ทว่า ธีราทร บุญมาทัน เองก็ยังรู้สึกว่าคอมเม้นท์ที่จะไปโจมตีเพื่อนร่วมทีมของเขาในโลกออนไลน์ อาจทำให้บรรยากาศในทีมเสียหาย จึงออกมาขอร้องแฟนบอลให้หยุดคิด และอย่าไปตำหนิ เนื่องจากเป็นสไตล์การเล่นที่โค้ชได้วางไว้เช่นนี้
บางคนอาจมองเรื่องแฟนบอลไประดมกันส่งข้อความด่าทอนักเตะในทีมที่ผู้เล่นไทยค้าแข้งเป็นเรื่องเล็ก แต่สังเกตไหมว่าทีมไหนก็ตามที่มีนักเตะไทยไปอยู่ด้วย เขามักเปิดพื้นที่ออนไลน์ให้โดยเฉพาะ ไม่ปะปนกับเพจหลักของสโมสร เพราะคอมเม้นท์ต่างๆ บางทีก็ไปบั่นทอนผู้เล่นของทีมรายอื่น ไม่เชื่อลองไปดูแฟนเพจบางสโมสรที่มีนักเตะเพื่อนบ้านเราไปร่วมทีม ล้วนเละเทะเต็มไปด้วยข้อความด่าทอสโมสร และโค้ชที่ไม่ส่งนักเตะขวัญใจเขาลงเล่น แม้สโมสรหรือผู้เล่นเจ้าถิ่นจะไม่ออกมาตำหนิอะไร แต่สุดท้ายดาวเตะเหล่านี้ก็มักถูกส่งกลับบ้านในท้ายที่สุด
