"ผีแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพิ่งเปิดตัวนักเตะไนจีเรียคนแรกในประวัติศาสตร์สโมสร ซึ่งก็คุ้นหน้าคุ้นตากันดี เพราะเคยเล่นใน พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ แล้ว โดยเป็น โอดิออน อิกาโล วัย 30 ปีย้ายจาก เซี่ยงไฮ้ กรีนแลนด์ เสิ่นหัว แบบยืมตัวจนกระทั่งสิ้นสุดฤดูกาลนี้ เพื่อมาเป็นอะไหล่แก้ปัญหาแดนหน้าฝืด แถม มาร์คัส แรชฟอร์ด บาดเจ็บต้องพักยาวหลายเดือน
สาวก "เรด เดวิลส์" ต้องอดใจกันหน่อย เพราะกว่าจะได้เห็นฟอร์ม อิกาโล ว่ายังมีพิษสงเหมือนสมัยเล่นให้ วัตฟอร์ด ระหว่างปี 2014-17 เหลืออยู่ไหม ก็ต้องรอถึงเกม พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ที่ แมนฯยู มีโปรแกรมต้องไปเยือน เชลซี วันที่ 17 กุมภาพันธ์
ระหว่างนั้นได้ลองเปิดพงศาวดารลูกหนังถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด พบว่า อิกาโล คือนักเตะแอฟริกันคนที่ 7 ของสโมสร ส่วนอีก 6 คนก่อนหน้านี้ล้วนไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ส่วนจะมีใครบ้างนั้นเราลองย้อนไปดูกันเลย
ควินตัน ฟอร์จูน (1999-2006)
แอฟริกันคนแรกของ แมนฯยู ฟอร์จูน ไม่เคยเล่นให้สโมสรบ้านเกิดมาก่อน โดยเป็นแข้งเยาวชนของ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ก่อนจะมาอยู่กับ มายอร์ก้า และ แอตเลติโก มาดริด ตามลำดับ จนกระทั่งปี 1999 เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เบิกเงิน 1.5 ล้านปอนด์สอยมาร่วมทัพ แข้งแอฟริกาใต้ถือเป็นอะไหล่ชั้นดี เพราะยืนได้ทั้งแบ็กรวมถึงมิดฟิลด์ ซึ่งแม้จะอยู่ในทีมชุดแชมป์ พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ทั้ง 3 สมัยคือฤดูกาล 1999–2000, 2000–01 และ 2002–03 แต่ไม่เคยถูกบรรจุในฐานะแชมป์ เนื่องจากแต่ละปีนั้นไม่เคยเล่นครบตามกฎคือ 10 นัด จนกระทั่งปี 2002-03 ได้มีการมอบเหรียญแชมป์พิเศษให้เจ้าตัวที่เล่นไปเพียง 9 นัด ระบุว่าเหรียญนั้นตอนนี้ถูกเก็บเอาไว้ที่พิพิธภัณฑ์ของถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด หลังจาก 7 ปีก็ย้ายออกไปอยู่กับ โบลตัน วันเดอเรอร์ส ต่อไป
เอริค เจมบ้า-เจมบ้า (2003-2005)
ถูกวางให้เป็นทายาทของ รอย คีน โดยถูกคว้าจาก น็องต์ส เมื่อปี 2003 ด้วยค่าตัว 3.5 ล้านปอนด์ ซึ่งก็เล่นให้กับ แมนฯยู เพียงช่วงสั้นๆ เท่านั้นแค่ 18 เดือนเท่านั้น สิ่งเดียวที่น่าจดจำของแข้งแคเมอรูนก็คือลูกวอลเลย์ประตูชัยนาทีที่ 117 ช่วยทีมต่อเวลาบุกไปเอาชนะ ลีดส์ ยูไนเต็ด 3-2 ศึก ลีก คัพ รอบ 3 ฤดูกาล 2003-04 ปัจจุบันวัย 38 ปีแล้วแต่ยังคงเล่นให้กับสโมสรระดับ ดิวิชัน 5 ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์
มานูโช่ (2008–2009)
น้อยทีมนักที่จะคว้านักเตะจากแองโกล่า ซึ่ง แมนฯยู ประทับใจ มานูโช่ จากศึก แอฟริกัน เนชันส์ คัพ ที่เจ้าตัวกดไป 4 ประตู แต่ด้วยใบอนุญาตทำงานจึงต้องปล่อยให้ พานาธิไนกอส ยืมตัวก่อน กระนั้นก็ตามถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ช่วงนั้นมีทั้ง เวย์น รูนีย์, คริสเตียโน โรนัลโด้, คาร์ลอส เตเบซ และ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ทำให้ไม่มีตำแหน่งให้ลง ตอนนี้วัย 36 ปีไร้สังกัดโดยกำลังมองหาข้อเสนอที่น่าสนใจเพื่อค้าแข้งต่อไป
มาเม บิราม ดิยุฟ (2009-2012)
กองหน้าเซเนกัลสร้างชื่ออยู่กับ โมลด์ ในนอร์เวย์ด้วยการยิง 45 ประตูจาก 86 นัด ซึ่งเพียงพอให้ แมนฯยู สนใจ โดยมาพร้อมความหวังทว่า 9 นัดรวมทุกรายการยิงไปแค่ประตูเดียว ระหว่างนั้นถูกปล่อยให้ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ยืมตัวใช้งานด้วย ก่อนย้ายไปอยู่กับ ฮันโนเวอร์ ตามด้วยกลับมา พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ อยู่กับ สโต๊ค ซิตี้ ช่วงแรกถือว่าใช้ได้ยิงประตูได้พอสมควร ปัจจุบันวัย 32 ปีแล้วยังอยู่กับ "ช่างปั้นหม้อ" ค้าแข้งอยู่ในเวที แชมเปียนชิป
วิลฟรีด ซาฮา (2013–2015)
ถือเป็นนักเตะที่น่าเสียใจมาก เพราะอุตส่าห์คว้าตัวมาตอนอายุยังน้อยเพื่อปลุกปั้นเมื่อปี 2013 ทว่าดันไม่ให้โอกาสมากพอระหว่างนั้นมีการปล่อยให้ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ กับ คริสตัล พาเลซ ยืมตัวใช้งาน ก่อนจะขายกลับให้ พาเลซ ด้วยค่าตัวน้อยนิดเพียง 6 ล้านปอนด์ เรียกได้ว่าขาดทุนมหาศาลก่อนที่ตัวรุกโกตดิวัวร์จะรีดฟอร์มเก่ง ในวัย 27 ปีตอนนี้หากย้ายทีมค่าตัวก็ไม่ต่ำกว่า 50 ล้านปอนด์ ซึ่งเจ้าตัวอยากจะไปพิสูจน์ฝีเท้ากับทีมใหญ่สักครั้ง
เอริก ไบยี่ (2016-ปัจจุบัน)
นักเตะใหม่คนแรกของ โชเซ่ มูรินโญ่ ในยุคคุมทัพ แมนฯยู ย้ายมาเมื่อปี 2016 จาก บียาร์ริล ด้วยค่าตัว 30 ล้านปอนด์ กระนั้นก็ตาม 18 เดือนที่ผ่านมาหายหน้าหายตาไปเพราะปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวนทั้งที่หัวเข่าและข้อเท้า ปัจจุบันเพิ่งจะอายุ 25 ปีเท่านั้นเอง ที่สำคัญเลยสัญญาจะหมดเมื่อฤดูกาลนี้ 2019-2020 รูดม่านปิดฉาก ดังนั้นต้องพิสูจน์ตัวเองภายใต้บังเหียนของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ว่าจะได้โอกาสค้ำหลังต่อไปหรือไม่ในปีหน้า ถือว่าน่าเสียดายอย่างยิ่ง เนื่องจากถ้าไม่เจ็บก็ถือว่าแนวรับโกตดิวัวร์นั้นทั้งแข็งแกร่งและมีความเร็ว