แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นับถอยหลังคว้าตัว บรูโน่ แฟร์นันเดส เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติโปรตุเกส หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่ 10 มกราคมที่ผ่านมา เอ็ด วูดวอร์ด กับ แม็ตต์ จัดจ์ 2 ผู้บริหารระดับสูงของ "ผีแดง" นัดคุยกับตัวแทนของ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ที่กรุงลอนดอน ได้ข้อสรุปผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
กระนั้นก็ตามเหตุที่ยืดเยื้อกินเวลาพูดคุยหลายชั่วโมง เพราะว่า เฟเดริโก้ วารานเดส ประธานสโมสร สปอร์ติ้ง ลิสบอน กับ ฮูโก้ วิอาน่า ผู้อำนวยการ กังวลกับการเสีย แฟร์นันเดส ช่วงกลางฤดูกาล โดยตอนนี้ทีมรั้งอันดับ 4 ลีกโปรตุเกสต้องไล่บี้แชมป์กับ เบนฟิก้า หรืออย่างน้อยก็ต้องคว้าโควต้า ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งทีมมีเวลาน้อยมากที่จะหาตัวแทน
สำหรับค่าตัวของ แฟร์นันเดส ที่ แมนฯยู ต้องจ่ายให้ สปอร์ติ้ง ลิสบอน คาดว่าอยู่ที่ 50 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,850 ล้านบาท) ส่วนแข้งวัย 25 ปีรับค่าเหนื่อย 6 ล้านยูโร (ประมาณ 200 ล้านบาท) เซ็นสัญญากับถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เป็นเวลา 4 ปีครึ่ง
กว่าที่ แฟร์นันเดส จะได้ย้ายทีมเรียกได้ว่าเป็นมหากาพย์ก็ว่าได้ เพราะไม่ใช่แค่ แมนฯยู ที่อยากได้ตัวไปปั้นเกม แต่ยังมี ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ รวมถึง ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ทว่าเกิดจากปัจจัยหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นตัวนักเตะที่เป็นห่วงอยากให้ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ที่มีปัญหาด้านการเงินได้ค่าตัวของเขามากที่สุดเพื่อไปพยุงทีม ซึ่งสิ่งนี้เองคือคาแร็กเตอร์ที่หาได้ยากยิ่ง
แฟร์นันเดส เริ่มอยู่กับทีมเยาวชนของ อินเฟสต้า ตอนอายุ 12 ปี ก่อนไปอยู่กับ เบาวิสต้า และ ปาสเตเลร่า สโมสรที่ขึ้นชื่อในเรื่องการปลุกปั้นนักเตะพรสวรรค์ ซึ่งช่วงนั้นทีมยักษ์ใหญ่ของโปรตุเกสทั้ง เบนฟิก้า, เอฟซี ปอร์โต้ และ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ต่างไม่เห็นแววของเจ้าตัวเลยแม้แต่น้อย
จนกระทั่งปี 2012 ก็เหมือนกับนักเตะดาวรุ่งของโปรตุเกสคนอื่นๆ ที่เลือกไปเสี่ยงดวงผจญภัยกับสโมสรลีกดังของยุโรป โดย แฟร์นันเดส ไปอยู่กับ โนวารา ทีมเล็กๆ ของอิตาลี ก่อนที่จะได้ไปอยู่กับ อูดิเนเซ่ และ ซามพ์โดเรีย ตามลำดับ ซึ่งมีหลายทีมใหญ่อยากได้ตัวไปร่วมทัพ อาทิ บาเลนเซีย แต่สุดท้ายเจ้าตัวย้ายกลับบ้านร่วมทัพ สปอร์ติง ลิสบอน ด้วยเหตุผลทางด้านครอบครัว
หลังจากบ่มฝีเท้าเต็มที่และที่ สปอร์ติง ลิสบอน แฟร์นันเดส ได้แสดงภาวะผู้นำอันยอดเยี่ยมออกมา นอกจากผลงานในสนามที่โดดเด่นและได้รับการพูดถึงอย่างต่อเนื่องช่วง 2-3 ปีมานี้
แฟร์นันเดส กลายเป็นกองกลางเนื้อหอมของยุโรป โดยฤดูกาล 2018-19 นอกจากการแอสซิสต์ยังยิงไป 31 ประตูจาก 52 นัดรวมทุกรายการ ทั้งยามมีบอลและไม่มีบอลคล้ายกับ ชาบี้ เอร์นานเดส, อันเดรียส อิเนียสต้า และ อันเดรีย ปิร์โล่ สิ่งเดียวที่อาจจะเป็นจุดอ่อนก็คือรูปร่างที่บางเกินไป ดังนั้นอาจจะถูกบีบให้คายบอลเร็วและขาดความแม่นยำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากจะมาเล่นบนเวที พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
ย้อนไปเมื่อ 2 ปีก่อน สปอร์ติ้ง ลิสบอน วิฤกติอย่างหนัก เพราะนอกจากปัญหาด้านการเงิน ยังมีไอ้โม่ง 50 คนบุกสนามซ้อม เพราะไม่พอใจที่แพ้ มาริติโม 1-2 ในนัดสุดท้ายของฤดูกาล ทำให้จบอันดับ 3 วืดไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งมีนักเตะตัวหลักหลายคนได้รับบาดเจ็บถึงขั้นเลือดตกยางออก
เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มีนักเตะตัวหลักของ สปอร์ติ้ง ลิสบอน หลายคนขอยกเลิกสัญญา อาทิ รุย ปาทริซิโอ มือกาววัย 31 ปีที่ไปอยู่กับ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส เมื่อปี 2018 แต่สิ่งที่ แฟร์นันเดส ทำกลับตรงกันข้ามคือเป็นแกนนำผู้เล่นที่เหลือให้ยืนเคียงข้างสโมสร เพราะรู้ดีว่าหากปล่อยให้สถานการณ์บานปลายทีมย่ำแย่แน่นอน ซึ่งทางเอเยนต์ก็พยายามเรียกร้องขอปรับปรุงสัญญาและขอค่าเหนื่อยเพื่อ ทว่าเจ้าตัวปฎิเสธและขอรับเงินในอัตราเดิม
ทว่าภายในสัญญาของ แฟร์นันเดส ระบุว่าหากมีทีมใดยื่นค่าตัว 30 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,110 ล้านบาท) สปอร์ติง ลิสบอน ต้องจ่ายโบนัส 5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 185 ล้านบาท) ซึ่งมีหลายทีมทำตามเงื่อนไขเพราะอยากได้ตัว แต่ว่าจอมทัพโปรตุเกสปฎิเสธทั้งหมด เนื่องจากทราบดีว่าต้นสังกัดมีปัญหาทางด้านการเงินรุมเร้าอย่างหนัก
ความภักดีและความเป็นผู้นำของ แฟร์นันเดส ยังแสดงให้เห็นอีกอย่างการที่ซูเปอร์เอเยนต์อย่าง จอร์จ เมนเดส, มิโน ไรโอล่า และ ปินี่ ซาฮาวี่ อยากได้ตัวไปอยู่ในสังกัด แต่เจ้าตัวให้ มิเกล ปินโญ น้องชายทำหน้าที่เป็นเอเยนต์ต่อไปจนถึงตอนนี้
ทั้งหมดแสดงให้เห็นว่าข่าวลือที่บอกว่า แฟร์นันเดส ถูกบังคับให้ย้ายทีม รวมถึงเจ้าตัวเรียกร้องย้ายไปอยู่กับ แมนฯยู ไม่เป็นความจริงเลย เพราะสโมสรตระหนักถึงสิ่งที่เจ้าตัวทำเพื่อทีมเสมอมาจึงให้เป็นคนตัดสินใจเรื่องย้ายทีม นักเตะก็รออย่างอดทนเพื่อข้อเสนอที่ดีที่สุดและเหมาะสมให้ สปอร์ติ้ง ลิสบอน รับเงินค่าตัวมากที่สุดเพื่อนำไปพยุงทีมต่อไป
เดิมทีม แฟร์นันเดส อยากจะย้ายช่วงปิดฤดูกาลหรือเดือนมิถุนายนนี้ด้วยซ้ำ แต่ว่า สปอร์ติ้ง ลิสบอน ตามจ่าฝูง เบนฟิก้า ถึง 16 แต้มคงอยากจะลุ้นแชมป์แล้ว ขณะที่ แมนฯยู ก็อยากได้ตัวและยินดีจ่ายตามเงื่อนไข เพราะ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา นายใหญ่ "ผีแดง" กำลังล่าโควต้า ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลหน้า ดังนั้นการย้ายทีมก็จะเกิดขึ้นในช่วงตลาดเปิดเดือนมกราคมนี้
เรียกได้ว่า แมนฯยู ต้องเสริมช่วงปีใหม่นี้ เพราะ ป็อกบา กับ แม็คโทมิเนย์ เจ็บยาว เหลือแค่ เฟร็ด กับ เนมานยา มาติช ในแผงกองกลาง ซึ่งหากได้ แฟร์นันเดส มาเป็นจิ๊กซอว์ตัวใหม่ช่วยในการสร้างสรรค์ปั้นเกมที่ทีมขาดหาย ป็อกบา กลับมา ภายใต้ระบบ 4-2-3-1 ก็น่าจะเป็นชุดที่น่ากลัวทีเดียว
อาจจะเรียกได้ว่าค่าตัวของ แฟร์นันเดส 50 ล้านปอนด์นั้นไม่แพงเลย แลกกับการที่ แมนฯยู ได้จอมทัพที่ชาญฉลาดทั้งจ่ายบอลและยิงประตูไปเสริมแดนกลาง นอกจากนี้ยังได้นักเตะที่มีความซื่อสัตย์และมีความเป็นผู้นำสูงมาก
