เพชรมรกต เพชรยินดีอะคาเดมี หนึ่งในนักชกไทยชื่อดังดีกรีแชมป์มวยไทยหลายสมัย กำลังมีคิวขึ้นสังเวียนครั้งสำคัญที่สุดในชีวิต กับการพิชิตเข็มขัดแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นเฟเธอร์เวต เส้นแรกในประวัติศาสตร์ของ วัน แชมเปียนชิพ ในวันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์นี้ ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ภายใต้ชื่อศึกว่า ONE: WARRIOR'S CODE
หลังจากความสำเร็จของประเทศไทยส่งท้ายปี 2019 ในฐานะ ประเทศที่มีแชมป์โลก วัน แชมเปียนชิพ มากที่สุดในโลกถึง 4 คน เข็มขัด 5 เส้น จาก น้องโอ๋ ไก่ย่างห้าดาว, รถถัง จิตรเมืองนนท์, สามเอ ไก่ย่างห้าดาว และ แสตมป์ แฟร์เท็กซ์ (2 เส้น) ต้นปี 2020 นี้ ประเทศไทยมีอีกหนึ่งความหวังใหม่จาก “เพชรมรกต เพชรยินดีอะคาเดมี” ที่จะขึ้นสังเวียนพิชิตเข็มขัดแชมป์โลก ONE เป็นเส้นที่ 6 ให้กับประเทศ
เพชรมรกต คร่ำหวอดอยู่ในวงการมวยไทยมากว่า 15 ปี ประสบความสำเร็จด้วยการคว้าแชมป์สนามมวยเวทีลุมพินี และ WMC ก่อนก้าวขึ้นสู่เวทีระดับโลก วัน แชมเปียนชิพ และชกในกติกามวยไทยครั้งสุดท้ายตั้งแต่ปลายปี 2018 ด้วยการเอาชนะน็อกนักชกซูเปอร์สตาร์จากสหราชอาณาจักร "เลียม แฮร์ริสัน" ด้วยการฟันศอกอันเป็นอาวุธเด็ด ก่อนจะหันไปชิมลางในกติกาคิกบ็อกซิ่งและทุ่มเทให้กับการแข่งขัน ONE คิกบ็อกซิ่ง เวิลด์ กรังปรีซ์ ตลอดช่วงปี 2019
นัดส่งท้ายปี เพชรมรกต หวนคืนสู่เวทีผืนผ้าใบภายใต้กติกามวยไทยที่เขาถนัด โดยพบกับนักชกหนุ่มชื่อดังจากแดนผู้ดี "ชาร์ลี ปีเตอร์ส" และคว้าชัยชนะแบบน็อกเอาต์ไปได้ในยกที่สอง ด้วยอาวุธเข่าที่เขาชำนาญการ พิสูจน์ให้เห็นว่า ถ้าเป็นกติกามวยไทยไว้ใจ เพชรมรกต ได้เลย
เปิดศักราชใหม่ 2020 เพชรมรกต ได้รับโอกาสครั้งสำคัญในชีวิต กับการไล่ล่าความฝันในการนั่งบัลลังก์แชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นเฟเธอร์เวต ซึ่งเป็นโอกาสยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตตลอด 15 ปีที่คลุกคลีอยู่ในวงการมวยไทย
เขาจะต้องขึ้นสังเวียนเผชิญหน้ากับนักชกจากแดนหมีขาว "จามาล ยูซูพอฟ" ชาวรัสเซีย ที่เคยสร้างปรากฏการณ์ช็อกโลก ด้วยการเปิดตัวใน วัน แชมเปียนชิพ ในฐานะมวยแทนและมวยรอง โดยรู้ตัวล่วงหน้าเพียง 10 วัน แต่สุดท้ายเขาคว่ำยอดมวยเจ้าตำนานชาวไทย "ยอดแสนไกล ไอเว แฟร์เท็กซ์" ผู้ไม่เคยแพ้ใครมาตลอด 8 ปี ในยกที่สอง เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
ความสำเร็จในครั้งนั้นส่งผลให้ จามาล ได้ตั๋วขึ้นชิงแชมป์โลกกับ เพชรมรกต ทันที ในฐานะคู่เอกของศึก ONE: WARRIOR'S CODE ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 7 กุมภาพันธ์นี้ ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ถ้าประเทศไทยได้เข็มขัดเส้นนี้มาเชยชม ก็นับเป็นเส้นที่ 6 สมกับเป็นประเทศต้นกำเนิดมวยไทยอย่างแท้จริง