การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย ชุดอายุไม่เกิน 23 ปี ระหว่างวันที่ 8-26 มกราคม 2563 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ โดยมี 4 สนามที่ใช้สำหรับแข่งขัน ประกอบด้วย ราชมังคลากีฬาสถาน, ธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต, ติณสูลานนท์ และ บุรีรัมย์ สเตเดี้ยม
ซึ่งทั้ง 4 สนามได้มีการปรับปรุงเพื่อใช้แข่งขันทั้งหมด 40 แมตช์ โดยแบ่งเป็นกลุ่มละ 1 สนามในรอบแบ่งกลุ่ม เมื่อถึงรอบน็อคเอ้าท์จะใช้ 2 สนาม คือ สนามราชมังคลากีฬาสถาน และ สนามธรรมศาสตร์ รังสิต จ.ปทุมธานี
- สนามราชมังคลากีฬาสถาน กรุงเทพมหานคร ใช้ทำการแข่งขันในกลุ่ม A ซึ่งสนามแห่งนี้มีความจุผู้ชม 49,722 ที่นั่ง เคยผ่านการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 13 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพมาแล้ว
- สนามธรรมศาสตร์ รังสิต จ.ปทุมธานี ใช้ทำการแข่งขันในกลุ่ม B ความจุ 20,000 ที่นั่ง เคยได้รับเลือกให้เป็นสนามในการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 13
- สนามติณสูลานนท์ จ.สงขลา ใช้ทำการแข่งขันในกลุ่ม C มีความจุ 45,000 ที่นั่ง เคยใช้จัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 13 ในนัดสำคัญ อย่างนัดชิงเหรียญทองแดง
- สนามบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ ใช้ทำการแข่งขันในกลุ่ม D ความจุ 32,600 ที่นั่ง เคยถูกบันทึกใน Guinness World Records ว่าเป็นสนามฟุตบอลในระดับฟีฟ่าแห่งเดียวในโลกที่ใช้เวลาก่อสร้างน้อยที่สุดเพียง 256 วัน
สำหรับการแข่งขันฟุตบอลรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปีชิงแชมป์เอเชีย (AFC U23 Championship Thailand 2020)ในรอบแบ่งกลุ่ม ทั้ง 4 สาย มีดังนี้
กลุ่ม เอ (ราชมังคลากีฬาสถาน กรุงเทพฯ) : ไทย, อิรัก, ออสเตรเลีย, บาห์เรน
กลุ่ม บี (สนามกีฬามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต) : กาตาร์, ญี่ปุ่น, ซาอุดีอาระเบีย, ซีเรีย
กลุ่ม ซี (สนามติณสูลานนท์ จ. สงขลา) : อุซเบกิสถาน, เกาหลีใต้, จีน, อิหร่าน
กลุ่ม ดี (สนามบุรีรัมย์ สเตเดี้ยม จ.บุรีรัมย์) : เวียดนาม, เกาหลีเหนือ, จอร์แดน, ยูเออี
ทั้งนี้โปรแกรมแข่งขันของทีมชาติไทย ประกอบด้วย
พบ บาห์เรน ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ในวันที่ 8 มกราคม 2563 เวลา 20.15 น.
พบ ออสเตรเลีย ที่ สนามราชมังคลากีฬาสถาน ในวันที่ 11 มกราคม 2563 เวลา 20.15 น.
พบ อิรัก ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ในวันที่ 14 มกราคม 2563 เวลา 20.15 น.