xs
xsm
sm
md
lg

ส.บอล ดีล "คิง เพาเวอร์" 500 ล้าน เซ็น MOU สร้างศูนย์ฝึกฟุตบอลฯ โมเดล "เลสเตอร์"

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ โครงการก่อสร้างศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติ ครบวงจร ในอำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี

วันจันทร์ที่ 16 ธันวาคม 2562 เวลา 14.00 น. ที่ห้อง Eternity Ballroom ชั้น 1 โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ ซอยรางน้ำ แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กทม. สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดย พล.ต.อ. ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ร่วมกับ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ โดย อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่ม บริษัท คิง เพาเวอร์ และประธานสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ ในการก่อสร้างศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติ อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี บนพื้นที่ของการกีฬาแห่งประเทศไทย จำนวน 150 ไร่ งบประมาณในการสร้างทั้งสิ้น 500 ล้านบาท

ภายพิธีลงนามได้รับเกียรติจาก ธนศักดิ์ สุระประเสริฐ อุปนายกฝ่ายสื่อสารองค์กรสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ, วิทยา เลาหกุล อุปนายกฝ่ายพัฒนาเทคนิค สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ พล.ร.อ.นาวิน ธนเนตร สภากรรมการ คุณธวัช อุยสุย สภากรรมการ, พล.ต.ท. อำนวย นิ่มมะโน โฆษกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ พาทิศ ศุภะพงศ์ รองเลขาธิการ(ฝ่ายต่างประเทศ), เบนจามิน ตัน ผู้อำนวยการฝ่ายคลับ ไลเซนซิง สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ พร้อมด้วยผู้สนับสนุน นักฟุตบอลทีมชาติไทย อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย และสื่อมวลชน ร่วมเป็นสักขีพยาน

พล.ต.อ. ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ กล่าวว่า “ในฐานะนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ขอเป็นตัวแทนแฟนบอลไทยและคนไทยทั้งประเทศ ขอบคุณ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ สนับสนุนโครงการนี้ พร้อมด้วยการนำประสบการณ์ องค์ความรู้ เทคโนโลยี จากผู้เชี่ยวชาญที่บริหารงานในสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ และต้นแบบจากประเทศอังกฤษ เพื่อวางรากฐานและพัฒนาวงการฟุตบอลไทยภายในศูนย์ฝึกแห่งนี้”

“ตั้งแต่ก้าวแรกที่ผมเข้าสู่วงการฟุตบอล ผมได้รู้ ได้เห็น ได้เรียนรู้และแก้ไขปัญหาต่างๆ มากมาย สิ่งแรกที่ผมคิดคือ เราต้องมีแผนการทำงานทั้งระยะสั้น และระยะยาวนี่จึงเป็นที่มาของแผนแม่บทพัฒนาฟุตบอลแห่งชาติระยะยาว 20 ปี”

“แผนแม่บทมีความสำคัญทุกด้าน เพราะการพัฒนาฟุตบอลไม่ใช่มีเพียงเรื่องในสนามเท่านั้น องค์ประกอบทุกด้านมีความ สำคัญเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็น วิทยาศาสตร์การกีฬา โภชนาการ ไปจนถึงบุคลากร ผู้ฝึกสอน ผู้ตัดสิน แต่การจะพัฒนา ทุกอย่าได้เราต้องมีจุดศูนย์กลางที่เรียกว่า ศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติ ที่ครบวงจรและทันสมัยก่อน ซึ่งประเทศไทยยังขาดตรงนี้”

“ที่ผ่านมานั้น ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย ในทุกรุ่นอายุ ต้องทำการเก็บตัวฝึกซ้อมในสถานที่ ที่มีบริเวณจำกัด โดยบ่อยครั้งต้องทำการเช่าที่พัก และสนามซ้อมที่คุณภาพไม่เหมาะสม เนื่องจากสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ไม่มีศูนย์ฝึกกีฬาฟุตบอลที่สามารถรองรับ และสร้างสภาพแวดล้อมให้แก่นักกีฬาฟุตบอลในพื้นที่ส่วนตัว เพื่อทำการฝึกซ้อม ฟื้นฟูร่างกาย รวมถึงการนำวิทยาศาสตร์การกีฬา และศูนย์ข้อมูเพื่อวิเคราะห์สถิติเข้ามาใช้เพื่อพัฒนาศักยาภาพของนักกีฬาทีมชาติไทย ในขณะที่ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียน ได้มีศูนย์ฝึกกีฬาฟุตบอลและได้ใช้ประโยชน์มาหลายปีแล้ว ซึ่งทำให้ฟุตบอลในประเทศนั้นๆ พัฒนาขึ้นอย่างมากในปัจจุบัน”

“ส่วนประโยชน์ที่จะได้รับนั้นมีมากมาย ความเป็นส่วนตัวในการฝึกซ้อม เก็บตัว บรรยากาศที่ทำให้นักฟุตบอลได้มีสมาธิอย่างเต็มที่ และสามารถรองรับทีมชาติทุกๆ ชุด ในช่วงเวลาเดียวกัน จำนวนสนามฝึกซ้อมอย่างน้อย 5-8 สนาม ทำให้รองรับการฝึกซ้อมต่อเนื่องได้ มีที่พัก ห้องอาหาร ห้องประชุม ห้องรับรอง ห้องฝึกสมรรถภาพต่าง ๆ ที่ครบครัน และเป็นส่วนตัว”

“นอกจากนี้ ศูนย์ฝึกฟุตบอลยังสามารถเป็นพื้นที่จัดการแข่งขันฟุตบอลเยาวชนต่าง ๆ ในช่วงที่ไม่มีทีมชาติมาใช้งาน เพื่อให้มีกิจกรรมฟุตบอลเกิดขึ้น ง่ายต่อการบริหารจัดการ มากกว่าการไปเช่าพื้นที่ หรือ โรงแรมที่เป็นค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ”

"ทั้งนี้ การสร้างศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี นั้น เราจะใช้โมเดลจากสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ที่ปัจจุบันกำลังก่อสร้างศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งใหม่ของพวกเขาอยู่เช่นกัน ซึ่งที่นั่นจะถือเป็นหนึ่งในศูนย์ฝึกฟุตบอลที่ครบวงจรที่สุดในประเทศอังกฤษ เราจะนำรูปแบบหลายๆอย่างจากที่นั่นมาปรับใช้กับเราอย่างแน่นอน" นายกสมาคม กล่าวฯ

สำหรับ ศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติดังกล่าว จะตั้งอยู่ภายในศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาติมวกเหล็ก เลขที่ 329 หมู่ 4 ถนนมิตรภาพ ตำบลมิตรภาพ อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี ซึี่งถือเป็นหนึ่งในโครงการตามแผนแม่บทพัฒนาฟุตบอลแห่งชาติระยะยาว 20 ปี ของสมาคมฯ ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดร. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ที่เริ่มผลักดันอย่างจริงจังตั้งแต่ก้าวเข้าสู่วงการลูกหนังเมืองไทย

โดยศูนย์ฝึกแห่งนี้ จะถูกนำไปใช้หลายวัตถุประสงค์ เพื่อการพัฒนาฟุตบอลไทยทั้งระบบ ตั้งแต่ในระดับรากหญ้า, เยาวชน, ผู้ฝึกสอน, ผู้ตัดสิน, นักกายภาพบำบัด, นักเวชศาสตร์ ไปจนถึงนักวิทยาศาสตร์การกีฬาฟุตบอล

นอกจากนี้ ยังสามารถใช้เป็นสถานที่เก็บตัวของนักกีฬาฟุตบอล, ฟุตซอล และฟุตบอลชายหาดทีมชาติไทยทุกชุด ท่ามกลางสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย และสนามฟุตบอลหลากหลายประเภท เพื่อให้การเตรียมทีมมีความพร้อมมากที่สุด

ทั้งนี้ นอกจากจะเป็นศูนย์ฝึกฟุตบอลแล้ว ในอนาคต จะเป็นจุดหมายปลายทาง ของรายการแข่งขันฟุตบอลเยาวชนชิงแชมป์ในระดับประเทศ เช่นเดียวกับพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ฟุตบอล ที่มีการนำเสนอแบบร่วมสมัย รวมถึงสถานที่สัมมนา สำหรับหน่วยงานภายนอกและเป็นที่พัก สำหรับพักผ่อนหย่อนใจให้กับบุคคลทั่วไป ในวาระอื่นๆ ด้วยเช่นกัน


กำลังโหลดความคิดเห็น