ขยับตัวแต่ละครั้งต้องมีอะไรมาให้ฮือฮาตลอดสำหรับ ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ ซึ่งก็สมฉายา "เดอะมันนี่" ของเจ้าตัว เพราะครั้งนี้จะบุกไปตั้งฐานทัพถึงประเทศญี่ปุ่นเปิดอาณาจักร "คาสิโน" โกยเงินแบบเป็นธุรกิจครบวงจร
ย้อนไปจุดเริ่มต้นของไอเดียนี้น่าจะมาจากการที่เมื่อปลายปี 2018 ฟลอยด์ แทบไม่ได้เสียเหงื่อจากการน็อคคู่ต่อสู้เจ้าถิ่นนาม เทนชิน นาซูกาว่า ณ ไซตามะ ซูเปอร์ อารีน่า เพียงแค่ยกแรก ซึ่งเจ้าหนูคนนี้วัยเพียง 21 ปีก็จริง แต่ดังไม่น้อยที่ญี่ปุ่นเป็นนักสู้คิกบ็อกซิ่งและศิลปะการต่อสู้แบบผสม ซึ่งแน่นอนเป็นการชกโชว์ แต่ก็ทำให้กำปั้นชาวอเมริกันโกยเงินไปใช้สบายๆ 9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 270 ล้านบาท)
ซึ่งเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ฟลอยด์ เหินฟ้าไปถึงประเทศญี่ปุ่นเปิดตัว TMT Japan ตั้งอยู่ในกรุงโตเกียว หลังจับมือกับบริษัทด้านการจัดการที่ชื่อว่า Libera และ Kyoei boxing gym แสดงให้เห็นว่าเป้าหมายของเจ้าตัวไม่ใช่แค่ชกมวยเท่านั้น แต่จะต่อยอดธุรกิจอื่นๆ อีก
เอาจริงๆ ถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะ ฟลอยด์ คลุกคลีกับวงการนี้มาตลอดทั้งชีวิต ซึ่งที่ประเทศสหรัฐอเมริกาถือว่าเป็นธุรกิจครบวงจรประกอบไปด้วยมวย, ไนท์คลับ, โรงแรมและคาสิโน อีกทั้งแถบเอเชียกำลังมีคาสิโนผุดขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้ง กัมพูชา, สิงคโปร์ และจีน ดังนั้นเรากำลังจะได้เห็นคาสิโนของเจ้าตัวที่ โอกินาว่า ล่าสุดกำลังจะมีแผนซื้อบ้านที่ญี่ปุ่นด้วยจะได้ไม่ต้องเดินทางบินไปมาให้เหนื่อย
ที่สำคัญโปรเจ็คต์นี้ได้รับไฟเขียวจากรัฐบาลญี่ปุ่นที่ต้องการจะแข่งกับ มาเก๊า, สิงคโปร์ และเกาหลีใต้ ทำให้จะมีคาสิโนเกิดขึ้นที่แดนปลาดิบภายในปี 2020
เพราะรัฐบาลนั้นไม่ได้มองเพียงแค่ธุรกิจคาสิโนเพียงอย่างเดียว โดยการเปิดทางให้ ฟลอยด์ เข้ามาในครั้งนี้หมายถึงกระแสนิยมเรื่องมวยที่จะเพิ่มขึ้นแบบมหาศาล ซึ่งที่ผ่านมาญี่ปุ่นก็มีกำปั้นแชมป์โลกมากมาย แต่จากนี้น่าจะเพิ่มนักกีฬาที่หันมาสนใจเรื่องมวยอีกมากโข ทุกวันนี้การทำเงินเกี่ยวกับธุรกิจมวยที่แดนปลาดิบนั้นก็ยากขึ้น ทำให้ต้องมองหาลู่ทางใหม่ๆ
ก่อนที่ ฟลอยด์ จะเลือกญี่ปุ่นนั้นที่ผ่านมาเราจะเห็นได้ว่าเขาได้เดินทางไปยังจีนและฮ่องกงเพื่อมองหาลู่ทางและเก็บข้อมูล ก่อนที่สุดท้ายจะมาลงเอยที่ญี่ปุ่น เพราะถือเป็นจุดศูนย์กลางการต่อสู้ทวีปเอเชียหากจะเจาะก็จะต้องเลือกแดนปลาดิบ
สำหรับไฟต์ล่าสุดของ ฟลอยด์ ที่ถูกบันทึกสถิติชนะรวด 50 ครั้งไม่เคยแพ้ใครเกิดขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคมปี 2017 เป็นการชกแบบมวยสากลอาชีพชนะ คอเนอร์ แม็คเกรเกอร์ ที่ข้ามสายพันธุ์มาจาก UFC ค่ายศิลปะการต่อสู้แบบผสม โดยน็อคได้ในยกที่ 10 ซึ่งก็ทำให้กำปั้นชาวอเมริกันโกยเงินมหาศาลไปถึง 300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 9,000 ล้านบาท) เลยทีเดียว
ดังนั้นตอนนี้ ฟลอยด์ มองไม่เห็นคู่ต่อสู้ที่จะสร้างความฮือฮาได้ในระดับนั้นอีกแล้ว ทำให้หันมาทำธุรกิจทางด้านคาสิโนเพื่อโกยเงินแบบครบวงจรแทน แต่มีอยู่คนหนึ่งและคนเดียวเท่านั้นที่มีแผนจะดึงมารีแมตช์กันที่ญี่ปุ่นคือ แมนนี่ ปาเกียว
ฟลอยด์ อยากจะรีแมตช์กับ ปาเกียว ภายในปี 2020 และต้องเป็นที่ญี่ปุ่นที่จะถือเป็นการเปิดตัวธุรกิจของตนเองแบบที่สมบูรณ์แบบที่สุด หลังเจอกันเมื่อปี 2015 แล้ว ฟลอยด์ สามารถเอาชนะคะแนนไปได้ แต่ปัญหาที่ยังเคลียร์ไม่ได้คือต้องมีใบอนุญาตชกนอกประเทศสหรัฐอเมริกา เนื่องจากเข็มขัดสถาบันหลักแต่ละเส้นที่มีคาดเอวนั้นก็เป็นที่อเมริกันแทบทั้งหมด ดังนั้นจึงต้องได้รับการรองรับมาชิงแชมป์กันนอกประเทศ
แน่นอนว่าสมัยนี้การจะผุดมวยแต่ละคู่โดยเฉพาะนักสู้ระดับแม่เหล็กจริงๆ การเจรจานั้นยุ่งยาก เพราะมีผลประโยชน์หลายฝ่ายเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเรื่องเงินมหาศาล ทำให้แต่ละไฟต์นั้นกินเวลามากเหลือเกินว่าจะคุยกันลงตัว
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฟลอยด์ ในวัย 42 ปีที่ไม่มีอะไรที่ต้องพิสูจน์บนสังเวียนแล้วขึ้นชกครั้งใดถือเป็นแม่เหล็กที่ดึงดูดคนและเงินได้มหาศาล ส่วนคาสิโนของเจ้าตัวที่ญี่ปุ่นในปีหน้าต้องจับตาว่าจะได้รับความนิยมขนาดไหน แต่ที่แน่นอนคือแฟนมวยอยากดูรีแมตช์กับ ปาเกียว ที่เชื่อว่าจะพยายามผลักดันให้เกิดขึ้นแน่นอน