ยู จิง โฮ หัวหน้าฝ่ายจัดการแข่งขันของ สหพันธ์ฟุตบอลเอเชีย หรือ เอเอฟซี แสดงความเชื่อมั่นว่าไทยจะส่งมอบ 4 สนามสำหรับจัดการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ทันแน่นอน หลังเดินทางตรวจคามคืบหน้าทุกสนามมาแล้ว ซึ่ง เอเอฟซี มาตรวจอีกรอบปลายเดือนพฤศจิกายน
โดยทั้ง 4 สนามที่จะใช้จัดศึกเอเอฟซี U23 ประกอบไปด้วย สนามติณสูลานนท์, ธรรมศาสตร์รังสิต, สนามราชมังคลาฯ และ ช้างอารีนา สเตเดียม ของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่เข้ามาแทนสนามสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี ซึ่งทางเอเอฟซีได้ลงพื้นที่ตรวจคืบหน้าในแต่ละสนาม ก่อนจะกำหนดข้อกำหนดในการปรับปรุงรายละเอียดเล็กน้อยเพื่อให้ทันสำหรับส่งมอบสนามช่วงเดือนธันวาคมนี้
"อย่างที่หลายคนทราบดี สนามเชียงใหม่ไม่มีความพร้อมในการจัดการแข่งขันครั้งนี้ ทางเราจึงเดินทางไปตรวจสนามบุรีรัมย์(ช้าง อารีน่า สเตเดี้ยม) เพื่อเข้ามาเป็นอีกหนึ่งตัวเลือก ซึ่งหลังจากการตรวจในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา พบว่ามีความพร้อมจัดการแข่งขันได้ และยืนยันว่าจะเข้ามาแทนสนามเชียงใหม่ในการจัดการแข่งขันครั้งนี้”
“ส่วนราชมังคลากีฬาสถาน เราได้ตรวจหลายส่วน ทางการกีฬาแห่งประเทศไทย ได้อธิบายแผนการปรับปรุง ซี่งเอเอฟซีรับทราบ และจะมีการติดตามต่อไปเพื่อให้ยืนยันการปรับปรุงให้แล้วเสร็จในช่วงต้นเดือนธันวาคม”
“สำหรับสนามบุรีรัมย์ถือว่ามีความพร้อม แต่อาจจะปรับปรุงบางส่วนเล็กน้อย ส่วนพื้นสนามอยู่อยู่ในเกณฑ์ที่ดี ซึ่งเอเอฟซี จะมีข้อกำหนดที่จะรวมเป็นเอกสาร และส่งให้บุรีรัมย์ต่อไป”
“เราเชื่อว่าหลังจากการตรวจครั้งที่ผ่านๆมา รวมถึงแผนที่ถูกเสนอเข้ามาก็เชื่อว่าทั้ง 4 สนามหลังปรับปรุงเรียบร้อยแล้วจะมีความพร้อม และสามารถส่งมอบในการจัดการแข่งขันชิงแชมป์เอเชียU23 ได้สำเร็จแน่นอน” หัวหน้าฝ่ายจัดการแข่งขันของ เอเอฟซี ทิ้งท้าย
ทั้งนี้ทาง สหพันธ์ฟุตบอลเอเชีย จะเดินทางตรวจสังเวียนแข้งทั้ง 4 สนามอีกครั้งในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อย ก่อนจะทำการส่งมอบสนามในวันที่ 15 ธันวาคม 2562