xs
xsm
sm
md
lg

สงสารนักกีฬาไทย? / แมวดำ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


คอลัมน์ “สกอร์บอร์ด” โดย “แมวดำ”

ในยุคปัจจุบัน เราจะเห็นว่านักกีฬาบ้านเราหลายคนพัฒนาและผลักดันตัวเองจากนักกีฬาระดับธรรมดาก้าวขึ้นไปเป็นผู้เล่นระดับซูเปอร์สตาร์ ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้นรายได้ต่างๆ ก็จะมีสูงขึ้นมาก ยกตัวอย่าง "เมสซี่เจ" ชนาธิป สรงกระสินธ์ นักกีฬาดาวเด่นแห่งวงการฟุตบอลไทย ตอนนี้มีตัวเลขว่ารับค่าเหนื่อยกับ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ราว 5.3 แสนบาทต่อเดือน ซึ่งหากนับเป็นรายได้ต่อปีก็น่าจะถึง 6.3 ล้านบาท

แต่หากไปมองเรื่องมูลค่าการตลาด ด้วยฟอร์มของ ชนาคุง ถูกปรับจาก 52 ล้านบาท มาอยู่ที่ 76 ล้านบาท และกลายเป็นผู้เล่นที่น่าจะมีคู่ตัวแพงอันดับที่ 10 ของลีกฟุตบอลประเทศญี่ปุ่น

หันไปดูฝ่ายหญิงกันบ้าง "โปรเม" เอรียา จุฑานุกาล มีชื่อติดอันดับ 15 ของทำเนียบนักกีฬาหญิงที่ทำรายได้สูงสุดในโลกจากการจัดอันดับของนิตยสาร ฟอร์บส ด้วยตัวเข ประมาณ 163.2 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าลิขสิทธิ์ส่วนตัวและสปอนเซอร์ ราว 61.6 ล้านบาท และเงินรางวัลอีกราว 101.6 ล้านบาท

เห็นตัวเลขแบบนี้คุณพ่อคุณแม่ของน้องๆ หนูๆ หลายรายก็พยายามส่งเสริมให้บุตรหลานไปเข้าอะคาเดมี่ฝึกฝนทักษะด้านกีฬากันเยอะมาก แต่กว่าจะไปถึงระดับนั้นได้ มันไม่ง่ายเลยครับ โดยเฉพาะนักกีฬาที่ยังไม่โด่งดัง ยังไม่ติดทีมชาติ ซึ่งหมดต้นทุนไปกับการพัฒนาตัวเองมากมายกว่าจะมีรายได้กันขนาดนั้น

สำหรับเรื่องเงินๆ ทองๆ นี่ไม่เข้าใครออกใครจริงๆ ยกตัวอย่างนักกีฬาทีมชาติไทย เรื่องเบี้ยเลี้ยงการฝึกซ้อมนี้บ่นกันมาเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นความล่าช้าในการเบิกจ่าย พอถามไปที่สมาคมกีฬา เขาบอกยังไม่ได้เงินหลวงมาเลย แต่พอไปตามเรื่องที่กระทรวงบอกไม่ได้ได้ยังไงในเมื่อผู้ใหญ่เซ็นไปแล้ว (ฮา) ซึ่งมันเป็นแบบนี้กันทุกยุคทุกสมัย สุดท้ายนักกีฬาก็ต้องสำรองจ่ายไปก่อน ใครไม่มีก็ต้องไปกู้หนี้ยืมสินเขามา ยิ่งพวกนักกีฬาที่อุปกรณ์การฝึกซ้อมแพงยิ่งบักโกรก

บางสมาคมนักกีฬาถึงกับร้องครวญครางกันใหญ่ว่าเอาชื่อเขาไปเบิกเงินมา แต่เงินกลับมาไม่ถึงมือ พอไปร้องถามสมาคมก็บ่ายเบี่ยง ตัวเองเป็นนักกีฬาเด็กๆ เล็กๆ ก็ไม่กล้า พอนักกีฬาขาใหญ่ออกมาโวยวายก็หาว่ากระด้างกระเดื่อง พาลจะโดนหั่นพ้นทีมชาติไปอีก

ยังไม่หมดแค่นั้น ปัญหาอีกอย่างคือ เบี้ยเลี้ยงเก็บตัวนักกีฬาเราใช้เรตเดิมมาตั้งแต่ พ.ศ.2528 ที่กำหนดให้วันละ 300 บาทต่อคน ถึงตอนนี้ก็ปาเข้าไป 34 ปีเข้าให้แล้ว นอกจากนี้ได้ข่าวว่ามีการหักค่าที่พักค่าอาหารกันสนุกสนาน กลายเป็นว่าตอนนี้นักกีฬาไทยมีรายได้เท่ากับค่าแรงขั้นต่ำ เห็นแล้วก็สงสาร

ส่งเรื่องเข้าไปยังหน่วยงานที่ดูแลกีฬาชาติ เขาก็รับปากกันดิบดีแหละครับแต่นานไปก็เงียบหาย พอนักข่าวสะกิดกันทีก็รับปากแข็งขันทุกที ถามผู้ใหญ่ไปเรื่องก็ไม่คืบ จนมีเจ้าหน้าที่ตัวเล็กตัวน้อยเดินมาบอกว่าน้องทำใจเถอะ เพราะแต่ละสมาคมกีฬาเขามักจะมีผู้มากบารมีในอดีตมานั่งเป็นเฮดใหญ่ จะทำอะไรก็รุนแรงก็เกรงใจกัน สุดท้ายกรรมเลยตกอยู่ที่นักกีฬานั่นแหละ...เซ็ง

ปล.ไม่ต้องมาตามไปให้ข้อมูลนะว่าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นที่สมาคมกีฬาไหนบ้าง เพราะเป็นใหญ่เป็นโตบริหารงานกีฬาระดับชาติแล้วไม่รู้เรื่องก็ขอให้ลาออกไปอยู่บ้านดีกว่า
กำลังโหลดความคิดเห็น