คอลัมน์ “สกอร์บอร์ด” โดย “แมวดำ”
ช่วงนี้ไม่ทราบว่าเป็นคราวเคราะห์หรือว่าดวงซวยของขาใหญ่สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย อย่าง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เนื่องจากผลงานของทีมชาติไทย ไล่ตั้งแต่ชุดใหญ่ มาถึงชุดเล็กเด็กน้อยอย่าง ยู 23, ยู 18 หรือ ยู 15 ต่างก็ดิ่งเหวไม่ต่างกัน อย่างชุดใหญ่ในศึกชิงถ้วยพระราชทาน คิงส์คัพ 2019 ที่ลากไปจัดกันที่บุรีรัมย์ ด้วยการเชิญคู่แค้นเก่าทั้ง เวียดนาม และ อินเดีย มาหมายล้างตา ปรากฎว่าประเดิมก็แพ้ "ดาวทอง" 0-1 ต่อด้วย นัดชิงที่ 3 ก็ยังดันแพ้ อินเดีย 0-1 เข้าไปให้แฟนบอลช้ำใจเล่นด้วยการจบอันดับบ๊วย แบบยิงประตูใครไม่ได้ และยังโดนยิงทั้ง 2 นัด จน "โค้ชโต่ย" ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย ต้องถอยจากหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยในที่สุด
หันมามองฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน ชุดอายุไม่เกิน 18 ปี ภายใต้การคุมทีมของ "โค้ชหระ" อิสระ ศรีทะโร ที่เห็นว่าเป็นโค้ชที่ได้รับคำชมว่าเป็นอนาคตของวงการฟุตบอลไทยคนหนึ่ง งานนี้ดูไม่จืด เพราะผลงานสุดย่ำแย่ แพ้ 2 เสมอ 2 นัด (ขออภัยเขียนคอลัมน์นี้ก่อนทราบผลนัดสุดท้ายกับ มาเลเซีย) แข่ง 4 นัด มี 2 แต้มโดยเริ่มจากเสมอ สิงคโปร์ 1-1, แพ้ กัมพูชา 3-4, แพ้ ออสเตรเลีย 1-3 และ เสมอเวียดนาม 0-0 ตกรอบสนิทแบบไม่ต้องลุ้น
จากนั้นก็มาดูฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน ชุดอายุไม่เกิน 15 ปี ที่จัดกันที่ ชลบุรี แม้จะสามารถเข้ารอบชิงชนะเลิศ แต่การแข่งขันนัดชิงถ้วยแชมป์ ทีมชาติไทย ยิงนำไปก่อน แต่ก็โดนยิงแซง 2 ประตู และเสียตำแหน่งแชมป์แบบคาบ้าน ที่สำคัญยังมีผู้เล่นไทยน็อตหลุดระเบิดอารมณ์ปล่อยหมัดใส่คู่แข่ง มีมวยหมู่กลางสนามช่วงท้ายเกม เป็นภาพที่มีการแชร์ไปทั่วในโลกออนไลน์
ซึ่งต้องยอมรับว่านักฟุตบอลเด็กน้อยที่ไปออกหมัดใส่คู่แข่งมันเป็นเรื่องที่ยอมรับยาก แต่ก็ต้องยอมรับให้ได้ เพราะน้องมันอายุน้อยมาก พูดง่ายๆ บอลเด็กมันก็แบบนี้แหละครับ คาดหวังอะไรยาก บางที่เตะกันแรงหน่อย ก็ชักจะใส่แรงบวกอารมณ์แถมมาให้เห็นกัน แต่เจ้าตัวและผู้ปกครองก็ได้เข้าไปขอโทษกับ พล.ต.อ.สมยศ นายกสมาคมฯ แล้ว และก็ยืนยันว่าจะปรับปรุงแก้ไขตัวเองเสียใหม่ คนเราเมื่อผิดแล้วก็ต้องขอโทษ ยอมรับผิด ถือเป็นวิถีของลูกผู้ชาย ยอมรับได้ครับ ถือว่าเป็นบทเรียนของเด็กๆ ใครบ้างไม่เคยทำผิดกันจริงไหม?
แต่ที่ยอมรับไม่ได้อย่างยิ่งคือ มีสตาฟฟ์ทีมชาติไทย ชุด ยู 18 นี่แหละ ไปเที่ยวโพสต์ข้อความยั่วยุท้าทายแฟนบอล คือเรื่องการชี้แจง อธิบายอย่างมีเหตุมีผล ผมว่ามันรับกันได้ หรือหากเขาไม่ฟังก็อย่างไปเสียเวลา แต่การไปเที่ยวด่าว่าตอกกลับแบบใช้อารมณ์มันก็ไม่งาม เข้าใจแหละครับว่าคงเหนื่อย ยิ่งผลการแข่งขันไม่เป็นใจ ยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ เจอพวกเซียนคีย์บอร์ดจิกหัวด่าบางทีก็มีหลุดเหมือนกัน เพียงแต่ต้องไม่ลืมนะครับว่าสตาฟฟ์โค้ชนั้นไม่ใช่น้องๆ เด็กๆ นักฟุตบอลเยาวชนที่บางครั้งบางคนก็ยังขาดวุฒิภาวะ แต่คนเป็นสตาฟฟ์นั้นมีงานใกล้ชิดกับน้องๆ นักฟุตบอล แน่นอนมันก็ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้เขาเจริญรอยตาม เหมือนเราหว่านพืชใดไว้ ก็ย่อมได้พืชผลชนิดนั้นไว้ คำสอนสั่งของสตาฟฟ์ก็เช่นกัน หากเป็นตัวอย่างไม่ดี ก็ยากจะพูดเรื่องความดีให้คนอื่นเชื่อและปฏิบัติตาม
เรื่องนี้จบสวยหน่อยตรงที่สมาคมฟุตบอลฯ รู้เรื่องเร็ว และออกมาขอโทษต่อพฤติกรรมของสตาฟฟ์โค้ชหนุ่มหัวร้อน ซึ่งแฟนบอลจริงๆ เขาก็พร้อมให้อภัยแหละ ถือเป็นบทเรียนว่าต่อไปอย่าไปตอบโต้เสียงวิจารณ์ แค่เราทำตัวเองให้ดี เสียงตำหนิติด่าก็จะลดลงไปเอง หวังว่าสมาคมฟุตบอลฯ คงจะก้มหน้าก้มตาใช้ผลงานพิสูจน์ตัวเองลบเสียงวิจารณ์ให้ได้ในสักวัน....