หลังเป็นข่าวกับยอดทีมดังมากมายทั่วยุโรป ในที่สุด ชูเอา เฟลิกซ์ กองหน้าดาวรุ่งชาวโปรตุกีส ก็ตกลงปลงใจเข้าพำนักกับ แอตเลติโก มาดริด ทีมแกร่งแห่ง ลา ลีกา สเปน อย่างเป็นทางการด้วยค่าตัวที่ “ตราหมี” จ่ายให้ เบนฟิกา ราคา 114 ล้านปอนด์ (ประมาณ 4,390 ล้านบาท) แพงที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก พร้อมสวมเสื้อหมายเลข 7 สืบทอดผู้บัญชาการเกมบุกต่อจาก อองตวน กรีซมันน์ อย่างเป็นทางการ
หากสังเกตกันในช่วง 2-3 ปีให้หลังจะเห็นได้ว่านักเตะของ เบนฟิกา สโมสรนามอุโฆษแห่ง พรีเมร่า ลีก โปรตุเกส แชมป์ลีกสูงสุด 37 สมัย ถูกส่งออกไปร่วมทีมดังในยุโรปมากมาย ตั้งแต่ แบร์นาร์โด ซิลวา (แมนเชสเตอร์ ซิตี), เรนาโต ซานเชซ (บาเยิร์น มิวนิค), วิคตอร์ ลินเดเลิฟ (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด) ทั้งหมดนี้คือผลผลิตจากรังของ เบนฟิกา ที่เมื่อมีโอกาสยายปีกไปสู่โลกกว้าง พวกเขาก็ไม่ปิดกั้นหนทางของนักเตะแม้จะใช้เวลาปั้นมานาน
นั่นจึงทำให้ “ดิ อีเกิลส์” ได้รับการย่กย่องอย่างมากในฐานะสโมสรที่ปั้นนักฟุตบอลคุณภาพสูงตั้งแต่ระดับเยาวชน ซึ่งก็ต้องยกเครดิตให้แก่ ยูเซบิโอ ตำนานดาวยิงเสือดำผู้ล่วงลับ ผู้สร้างคุณูปการแก่สโมสรแห่งนี้ด้วยการก่อตั้งอะคาเดมีลูกหนังที่ชื่อ "ไคซ่า ฟุตบอล คัมปุส" เมื่อปี 2006 โดยมีเป้าหมายคือเฟ้นหาแข้งเด็กฝีเท้าดีขึ้นมาสืบทอดความเรืองรองของทีมให้ยั่งยืนนาน
ขณะเดียวกันสถาบันแห่งนี้ก็เปิดโอกาสให้แข้งดาวรุ่งพรสวรรค์สูงซึ่งผ่านการคัดเลือกมาถึงจุดสูงสุด สามารถเลือกได้ว่าจะอยู่เล่นให้กับ เบนฟิกา หรือต่อยอดไปสร้างหนทางใหม่แก่ตัวเองกับทีมอื่นเพราะทุกฤดูกาลจะมีแมวมองจากสโมสรดังแวะเวียนมาดูฝีเท้าอย่างสม่ำเสมอ
ศูนย์บ่มเพาะฝีเท้าของเบนฟิกา ปัจจุบันกำลังเลี้ยงดูปูเสื่อเยาวชนหัวใจลูกหนังจากทั่วทุกมุมโลกกว่า 65 คน โดยหน้าที่ของพวกเขาคือฝึกซ้อมทักษะบนสนามที่มีรองรับถึง 9 สนาม, ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า 20 ห้อง, โรงยิมขนาดใหญ่ 3 หลัง และห้องเรียนรู้ทักษะอีก 2 ห้อง และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ครบครันตามมาตรฐาน
หลุยส์ นาสซีเมนโต หนึ่งในทีมโค้ชเยาวชนของเบนฟิก้า เผยว่านักบอลวัยกระเตาะจะได้รับการดูแลอย่างดี และมีคำบอกกล่าวสำคัญแบบท่องจำขึ้นใจว่านักเตะทุกคนไม่ได้มาที่นี่เพื่อฝึกซ้อมเพียงอย่างเดียว แต่มาเพื่อเรียนรู้การเป็นนักฟุตบอลที่ดีในทุกด้านทั้งเรื่องทักษะและความรู้รอบตัว หรือที่พวกเขาเรียกกันว่า “ศึกษา” มากกว่า “ฝึกซ้อม”
เป็นเรื่องปกติที่อะคาเดมีของสโมสรดังมักนำเทคโนโลยีใหม่ๆมาช่วยพัฒนานักเตะในความดูแลให้มีความเก่งกาจมากขึ้น แต่ เบนฟิกา ไปไกลกว่าสโมสรอื่นเมื่อพวกเขาเป็นหนึ่งในทีมที่เอาเทคโนโลยีระดับก้าวหน้านั่นคือ “ห้องฝึกซ้อมซิมูเลเตอร์แบบ 360 องศา” มาใช้งาน โดยโลกนี้นอกจากพวกเขาก็มี โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ยอดทีมแห่ง บุนเดสลีกา เยอรมนี ใช้อยู่เช่นกัน
ประโยชน์ของการใช้ห้องซิมูเลเตอร์ 360 องศา จะเป็นเครื่องมือในการวัดความสามารถของนักเตะทุกตำแหน่งตั้งแต่ กองหน้า กองกลาง กองหลัง และผู้รักษาประตู สิ่งที่ทุกคนจะได้ทดสอบเช่น ปฏิกริยาตอบสนอง, ความเร็ว, ความแม่นยำในการยิงประตู-ส่งบอล ภายในพื้นที่สี่เหลี่ยมรอบตัว 10 ฟุต ซึ่งมีตาข่ายขึงไว้รอบด้านพร้อมจอ LED แสดงผล และเมื่อเสร็จสิ้นก็จะมีการประกาศคะแนนบอกเลยเป็นอย่างไร
ทักษะว่าสำคัญแล้ว จิตใจก็ไม่ยิ่งหย่อน อย่างที่ระบุไปว่าเด็กทุกคนจะไม่ถูกบังคับให้ซ้อมฟุตบอลอย่างเดียว แต่ต้องมีความรู้รอบตัวและมีสภาพจิตใจที่ดี นั่นทำให้ ไคซ่า ฟุตบอล คัมปุส จับมือเป็นพันธมิตรกับโรงเรียนท้องถิ่นหลายแห่ง ส่งนักเตะไปศึกษาความรู้ด้านวิชาการอื่นๆบ้าง และอีกหลายคนก็ถูกส่งไปพักแบบโฮสต์กับครอบครัวในพื้นที่ สัมผัสวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในเมืองนี้ด้วย เพื่อป้องกันอาการโฮมซิกยามต้องออกไปต่างแดนเมื่อถึงเวลา
“ภารกิจของอะคาเดมีแห่งนี้คือการรับประกันว่าทุกคนจะได้รับคุณภาพที่ดีทั้งเรื่องการฝึกทักษะและการศึกษาที่มีต่อผู้เล่นของเราในทุกขวบวัย นอกจากการผลักดันพวกเขาขึ้นมาเล่นกับทีมชุดใหญ่ เรายังต้องการยกระดับความเป็นมนุษย์ของพวกเขาทั้งเรื่องจิตใจ ความอ่อนน้อมถ่อมตน ความรับผิดชอบ ซื่อตรงต่อความยุติธรรมและมีน้ำอดน้ำทน” หลุยส์ นาสซีเมนโต โค้ชประจำอะคาเดมี ระบุ
ทั้งหมดทั้งมวลจึงทำให้นักเตะที่ได้รับการฟูมฟักฝีเท้าเป็นอย่างดีจาก เบนฟิกา เติบโตมาเป็นผู้เล่นคุณภาพคับแก้วทั้งสิ้น ไม่น่าแปลกใจที่เหล่าทีมยักษ์จากยุโรปจะมาใช้บริการซื้อนักเตะของพวกเขาไปร่วมงานในทุกช่วงตลาดทั้ง เอแดร์สัน ที่เข้าแคมป์เยาวชนกับทีมตั้งแต่อายุ 15 ตอนนี้กลายเป็นมือกาวเบอร์ 1 ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี ไปเรียบร้อย หรือล่าสุดกับ ชูเอา เฟลิกซ์ ที่ขึ้นมาเตะชุดใหญ่เมื่อปีที่แล้ว อายุ 19 ปี แต่ซัดไป 18 ประตูจนบิ๊กทีมมากมายเห็นแล้วน้ำลายไหล ก่อนเสร็จ “ตราหมี” เอาตัวไป
ผลของการส่งออกนักเตะไปอยู่กับทีมดังทั่วโลก โดยเฉพาะลีกท็อป 5 แห่งยุโรป อังกฤษ, เยอรมนี, สเปน, อิตาลี และ ฝรั่งเศส และทั้งหมดไปแบบมีค่าตัวไม่ใช่ปล่อยยืม ทำให้ เบนฟิกา ทำเงินในการขายนักเตะทั้งสิ้น 500 ล้านปอนด์ (ประมาณ 19,250 ล้านบาท) ในช่วง 2-3 ปีหลัง แถมยังไม่ยี่หระต่อการเสียดาวดังเพราะที่สุดพวกเขาก็มีแข้งเยาวชนท้องถิ่นอีกมากที่พร้อมยกสถานะตัวเองขึ้นมาช่วยทีมชุดใหญ่
ดังนั้นไม่ใช่เรื่องผิดแผกเลยหากเราจะจัดอันดับให้ ไคซ่า ฟุตบอล คัมปุส คือหนึ่งในอะคาเดมีลูกหนังที่ดีที่สุดในโลก เทียบเท่า อาแจกซ์ มี “เอเอฟซี อาแจกซ์ ยูธ อะคาเดมี”, ฝรั่งเศส ที่มี “แคลร์ฟองแตงซ์” เป็นศูนย์สร้างผู้เล่นแดนน้ำหอมขึ้นมาเป็นตำนานแห่งวงการ และ “ลา มาเซีย” โรงเรียนลูกหนังชื่อกระฉ่อนของ บาร์เซโลน่า ในปัจจุบัน