xs
xsm
sm
md
lg

เสื้อ 50 ปี ปารี แซ็ง-แชรแม็ง กับอนาคตของ เนย์มาร / กษิติ กมลนาวิน ราชวังสัน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน ราชวังสัน

สินค้าของที่ระลึกโดยเฉพาะเสื้อแข่งแบบเดียวกับของนักเตะดังนับเป็นหนทางสร้างรายได้ให้แก่สโมสรฟุตบอลอย่างมหาศาล โดยเฉพาะสโมสรชั้นนำของโลกนั้น การจำหน่ายเสื้อสามารถทำเงินร่วม 1 ใน 3 ของรายได้หลักของสโมสรทีเดียว นอกเหนือจากรายได้ที่มาจากลิขสิทธิ์ถ่ายทอดการแข่งขันและการขายบัตรเข้าชมการแข่งขัน ดังนั้น สโมสรฟุตบอลจึงขยันผลิตเสื้อลายใหม่ออกมาล่อใจแฟนๆและนักสะสมทุกๆปี

แม้ว่าเทือกเถาของ ปารี แซ็ง-แชรแม็ง (Paris Saint-Germain Football Club) จะก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1904 ในชื่อ สต๊าด แซ็ง-แชรมานัว(Stade saint-germanois) โดยการรวมตัวของ ร้าสซิ่ง เกลิ๊บ เดอ ฟร้องส์ (Racing Club de France) และ สต๊าด ฟร็องเซ (Stade français) และไปตั้งฐานที่มั่นอยู่ชาน กรุงปารี ที่ แซ็ง-แชรแม็ง-อ็อง-เล (Saint-Germain-en-Laye) แต่หลังจากการล่มสลายในปลายยุคปี 60 ก็มีการปรับปรุงโครงสร้างโดยการรวมกับ ปารี แอ๊ฟเซ (Paris FC) เพื่อสร้างสโมสรฟุตบอลอาชีพขึ้นใหม่ในเมืองหลวงในชื่อ ปารี แซ็ง-แชรแม็ง เขาจึงถือว่าสโมสรนี้ก่อตั้งขึ้นในปี 1970 และกำลังจะมีอายุครบ 50 ปีในปี 2020

ชุดแข่งดั้งเดิมของสโมสรเป็นสีขาวมาตลอด จนเข้าสู่ยุคปี 70 เริ่มมีการใช้สีแดง น้ำเงิน เข้ามาผสม โดยเฉพาะในปี 1973 เมื่อ ดานิเอ็ล เอ๊ชแตร (Daniel Hechter) นักออกแบบแฟเชิ่นชื่อดัง ชาวฝรั่งเศส เข้ามาซื้อสโมสรตั้งแต่ตอนอยู่ ดิวิเชิ่น 3 และสามารถนำขึ้นสู่ลีกสูงสุดได้สำเร็จ เขาออกแบบเสื้อเป็นสีน้ำเงินเข้ม มีแถบแนวตั้งสีแดงกลางสีขาวจากคอลงมาถึงชายเสื้อ แม้จะมีการเปลี่ยนสลับสีสลับโทนกันบ้างตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา แต่ลายแนวตั้งของ ดานิเอ็ล เอ๊ชแตร นี้ก็ถือเป็นแบบฉบับของ เปแอ๊สเช นับแต่นั้นมาจนปัจจุบัน

เพื่อฉลองครบรอบ 50 ปี เปแอ๊สเช รอจนเมื่อสัญญากลางหน้าอกเสื้อกับ ฟลาย เอมีเรทส์ (Fly Emirates) ที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 2006 สิ้นสุดลงเมื่อวันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน ที่ผ่านมา เพื่อเผยโฉมเสื้อทีมเหย้าแบบใหม่สำหรับฤดูกาล 2019-20 ในวันที่ 1 กรกฎาคม โดยมีสป็อนเซ่อร์รายใหม่คือ อั๊กกอร (Accor) กลุ่มธุรกิจโรงแรม รีสอร์ท ที่ใหญ่เป็นอันดับ 6 ของโลก มีเครือข่ายครอบคลุมกว่า 100 ประเทศ เข้ามาเป็นผู้สนับสนุนตรงหน้าอกเสื้อ ปีละไม่น้อยกว่า 60 ล้าน เออโร ในชื่อ เอดับเบิ้ลแอ็ล (ALL - Accor Live Limitless) โดยกลับไปใช้ลวดลายสีสันแนวเดียวกับที่ ดานิเอ็ล เอ๊ชแตร เคยออกแบบให้ จะแตกต่างกันก็เพียงแถบสีขาวที่กว้างขึ้นให้เท่าๆกับแถบสีแดงนั่นเอง

เรื่องการผลิตเสื้อนั้น เปแอ๊สเช เคยใช้บริการของ เลอ ก๊อก สปอรตี๊ฟ (Le Coq sportif) โกปา (Kopa) อาดีด๊าส (Adidas) โปนี (Pony) มาหมดแล้ว และเริ่มทำงานกับ นายกี้ (Nike) มาตั้งแต่ปี 1989 ถึงตอนนี้รวมเป็นเวลา 30 ปี ซึ่งเมื่อย้อนกลับไปดูตัวเลข 3 ฤดูกาลหลังสุดนั้น เปแอ๊สเช มีรายได้จาก นายกี้ ปีละ 25 ล้าน เออโร และจาก ฟลาย เอมีเรทส์ ปีละไม่เกิน 30 ล้าน เออโร แต่ล่าสุด นายกี้ ได้รับการต่อสัญญายาวไปถึงปี 2032 ด้วยราคาร่วม 80 ล้าน เออโร หรือประมาณ 2,800 ล้าน บาท ต่อปี ทำให้เมื่อรวมกับ ALL แล้ว มูลค่าที่ เปแอ๊สเช ได้รับจากเสื้อนั้นติดอันดับ 4 ของโลก รองจาก เรอัล มาดริด บารเซโลนา และ แมนเช้สเต้อร์ ยูนายเถ็ด และนำหน้าสโมสรดังอื่นๆอย่าง อาร์เซน็อล บาแยร์น มึนเชิ่น และ แมนเช้สเต้อร์ ซิตี้

วันที่ เปแอ๊สเช แถลงข่าวเปิดตัวเสื้อแข่งทีมเหย้าตัวใหม่นั้น เหล่านักเตะดังแถวหน้าของสโมสรมีภาพร่วมเป็นพรีเซ็นเต้อร์อย่างพร้อมเพรียง เช่น เนย์มาร (Neymar) ที่มีข่าวจะย้ายกลับไปซบ บารเซโลนา หรือไม่ก็ไป เรอัล มาดริด คีเลียน อึมบั๊ปเป (Kylian Mbappé) ที่ยังมั่นคงและกลายเป็นตัวหลักของสโมสร ดานี อัลเว้ช (Dani Alves) และคนอื่นๆ ซึ่งหลายคนอาจมองว่าเป็นการส่งสัญญาณว่า เนย์มาร ยังอยู่กับ เปแอ๊สเช ในฤดูกาล 2019-20 อย่างไรก็ตาม ผมอยากจะบอกว่า ขนาด ดานี อัลเว้ช ซึ่งมีภาพเปิดตัวเสื้อแข่งดังกล่าวก็ได้ประกาศย้ายออกจาก เปแอ๊สเช แน่นอนแล้วตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายน ที่ผ่านมา ดังนั้น อนาคตของ เนย์มาร ซึ่งเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน เจ้าตัวเพิ่งออกมาแสดงความไม่สบายใจในการค้าแข้งกับ เปแอ๊สเช ก็ยังไม่แน่นอนอยู่ดีครับ