ครบแล้ว 8 ทีมเข้ารอบน็อกเอาท์ “โคปา อเมริกา 2019” โดยจากนี้จะพักก่อนที่จะเตะอีกครั้งคือวันที่ 27 มิถุนายนนี้ ดังนั้นระหว่างนี้เราจะพาไปส่องกล้องดูทั้ง 4 คู่ว่าใครเป็นอย่างไรบ้าง บราซิล ที่อยู่สายบนงานดูจะง่ายกว่าสายล่างที่มีทั้ง อุรุกวัย, ชิลี และ โคลอมเบีย
บราซิล VS ปารากวัย (เตะวันที่ 27 มิถุนายน)
เข้ารอบมาแบบทุลักทุเลสำหรับ ปารากวัย โดยได้โควต้าจากอันดับ 3 ที่ดีที่สุดจากทั้งหมด 3 กลุ่มที่เอาแค่ 2 ทีมเท่านั้น แม้ว่านัดสุดท้ายของกลุ่ม บี จะแพ้ โคลอมเบีย 0-1 ที่ผ่านมาตลอด 3 นัดของรอบแบ่งกลุ่มไม่ชนะใครเลยมีแค่ 2 แต้มเท่านั้นคือเสมอ กาตาร์ 2-2 กับเสมอ อาร์เจนติน่า 1-1 คว้าตั๋วรอบน็อกเอาท์แบบเฉือน ญี่ปุ่น ด้วยประตูติดลบที่น้อยกว่า
ดังนั้นคำถามคือรอบ 8 ทีมสุดท้าย ปารากวัย จะเอาอะไรไปชนะ บราซิล? คำตอบก็คือแทบเป็นไปไม่ได้ โดยตลอดปี 2019 เตะมา 7 นัดชนะนัดเดียวคือเกมอุ่นเครื่องเหนือ กัวเตมาลา 2-0 เกมทางการที่ชนะครั้งสุดท้ายต้องย้อนไปเดือนตุลาคมปี 2017 ที่คัดฟุตบอลโลก 2018 เอาชนะ โคลอมเบีย 2-1 ทีมนั้นไม่ได้เล่นรอบสุดท้ายบอลโลก 2 สมัยหลังสุด นักเตะยังต้องพึ่ง ออสการ์ คาร์โดโซ กองหน้าวัย 36 ปีอยู่เลย
ขณะที่ บราซิล เข้ารอบมาแบบสมราคาแชมป์ 8 สมัย คว้าแชมป์กลุ่ม เอ ด้วยการมี 7 แต้มซ้อมเกมรุกชนะ โบลิเวีย 3-0 กับถล่ม เปรู 5-0 พลาดเสมอ เวเนซูเอเล่า 0-0 โดยยังไม่เสียประตูในทัวร์นาเมนต์นี้เช่นเดียวกับ โคลอมเบีย ดังนั้นไม่ต้องห่วง แซมบ้า ชุดนี้ แม้ว่าจะขาด เนย์มาร์ กองหน้าซุปตาร์ที่บาดเจ็บถอนตัวไป กระนั้นก็ตามดูจากสายแล้วยังไม่เจอของจริงค่อยไปว่ากันในรอบลึกๆ
เวเนซูเอเล่า VS อาร์เจนติน่า (เตะวันที่ 28 มิถุนายน)
ประมาท เวเนซูเอล่า ไม่ได้อย่างเด็ดขาด เพราะอยู่สายเดียวกับ บราซิล พร้อมยันเสมอ 0-0 รวมถึงเสมอ เปรู ด้วยสกอร์เดียวกัน ก่อนจะชนะ โบลิเวีย 3-1 จุดเด่นของทีมก็คือเกมรับภายใต้ระบบ 4-5-1 โดยที่เสียประตูเดียวรอบแบ่งกลุ่มนั้นก็โดนจากจุดโทษ
ขณะที่ อาร์เจนติน่า แชมป์ 14 สมัยแต่แชมป์หนสุดท้ายคือเมื่อปี 1993 แถมชิง 4 จาก 5 ครั้งหลังสุดอกหักเรียบวุธ มาปีนี้ทรงบอลก็ยังไม่ค่อยดีกว่าจะเข้ารอบมาได้ต้องลุ้นถึงนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มที่ชนะ กาตาร์ 2-0 หลังจากเปิดหัวไม่ดีแพ้ โคลอมเบีย 0-2 "ฟ้าขาว" เปลี่ยนโค้ชเป็นอดีตแข้ง ลิโอเนล สคาโลนี่ ที่ยังมือใหม่มาก ส่วนปัญหาของทีมน่าจะเป็นเรื่องขาดความมั่นใจมากกว่า โดยเฉพาะ ลิโอเนล เมสซี่ กัปตันทีมที่ต้องแบกความหวังมาตลอด ซึ่งที่ผ่านมาก็มักขาดคนสนับสนุนยามที่เล่นไม่ออก ให้มอง โปรตุเกส ยามที่ คริสเตียโน โรนัลโด้ ไม่ยิงแต่ก็มีคนสอดขึ้นมายิงจนได้แชมป์ ยูโร กับ เนชันส์ ลีก
ดังนั้นสไตล์แบบนี้ของ เวเนซูเอล่า ทำให้ อาร์เจนติน่า หงุดหงิดอย่างแน่นอน เพราะ "ฟ้าขาว" ถ้าดีแต่ป้อจบไม่ลงเหมือนที่ผ่านๆ มาก็มีสิทธิ์จอดแค่รอบนี้ได้เหมือนกัน
โคลอมเบีย VS ชิลี (เตะวันที่ 28 มิถุนายน)
ถือเป็นคู่เอกของรอบ 8 ทีมสุดท้ายก็ว่าได้ เพราะ โคลอมเบีย เป็นทีมเดียวที่ชนะรวด 3 นัดรอบแบ่งกลุ่มแบบที่ไม่เสียประตูเลย โดยหลังจากตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย เวิลด์ คัพ 2018 ตำแหน่งโค้ชก็เปลี่ยนมือมาเป็น คาร์ลอส เครอซ คุมทีมชนะ 6 จาก 7 นัดเลยทีเดียว
จุดเด่นของ โคลอมเบีย ก็คือมีนักเตะเกมรุกทำให้เน้นระบบ 4-3-3 ซึ่งก็ลงตัวนำโดย ราดาเมล ฟัลเกา, หลุยส์ มูเรียล, ดูวาน ซาปาต้า, ฮวน กวาดราโด้ กับ ฮาเมส โรดริเกซ กองหลังก็ถือว่าแน่นทั้ง เยอร์รี่ มิน่า กับ ดาวินสัน ซานเชซ รวมถึงด่านสุดท้ายอย่าง ดาวิด ออสปิน่า ทำให้มีลุ้นเลยเดียวที่จะคว้าแชมป์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2001
กระนั้นก็ตาม โคลอมเบีย ต้องเจาะ ชิลี ให้เข้า โดยทีม "ลา โรฆ่า" หรือที่แปลว่า "ดาวแดง" มีดีกรีเป็นแชมป์ 2 สมัยหลังสุดที่ได้แชมป์จากการชนะจุดโทษทั้ง 2 ครั้ง รอบแบ่งกลุ่มนั้นแพ้นัดเดียวแก่ อุรุกวัย 0-1
นอกจากเกมรับ ชิลี ยังได้ อเล็กซิส ซานเชซ ที่มาเล่นดีกับทีมชาติทั้งที่กับ แมนฯยูไนเต็ด หวังพึ่งไม่ได้เลย โดย "โคปา อเมริกา" ปีนี้ยิงไปแล้ว 2 ประตู คนอื่นๆ ก็มีตัวแกร่งอย่าง เอดูอาร์โด วาร์กาส, อาร์ตูโร วิดัล และ แกรี่ เมดัล
อุรุกวัย VS เปรู (เตะวันที่ 29 มิถุนายน)
อีกหนึ่งทีมเต็งก็คือ อุรุกวัย แชมป์สูงสุด 15 สมัย รอบแบ่งกลุ่มนั้นชนะ เอกวาดอร์ 4-0 กับชนะ ชิลี 1-0 ทว่าดันพลาดเสียราคานิดหน่อยตรงที่เสมอ ญี่ปุ่น 2-2 "จอมโหด" ชุดนี้คงสไตล์เดิมๆ เพราะว่ากุนซือคือ ออสการ์ ทาบาเรซ วัย 72 ปีที่คุมทีมมาตั้งแต่ปี 2006 เป็นคนที่คุมทีมได้แชมป์ "โคปา อเมริกา" หนสุดท้ายเมื่อปี 2011
คำถามคือ เปรู จะหยุดคู่หน้าของ อุรุกวัย คือ หลุยส์ ซัวเรซ กับ เอดินสัน คาวานี่ ที่กดไปแล้วคนละ 2 ประตูได้อย่างไร ขณะที่เกมรับก็สุดเขี้ยวยังเป็นคู่เดิมคือ ดิเอโก โกดิน กับ โฮเซ่ ฆิมิเนซ ภายใต้ระบบ 4-4-2 ที่ใช้มาช้านาน
มาดูทางด้าน เปรู กันบ้างมาถึงรอบ 8 ทีมได้ก็เก่งแล้ว เพราะเข้ารอบมาในฐานะอันดับ 3 ที่ดีที่สุดจากทั้งหมด 3 กลุ่ม โดยมี 4 แต้มจากการชนะ โบลิเวีย 3-1 กับเสมอ เวเนซูเอล่า 0-0 ก่อนจะแพ้ บราซิล 0-5 ตัวรุกยังเป็น เปาโล เกร์เรโร ที่วัย 35 ปีแล้ว ขณะที่ เจฟเฟอร์สัน ฟาร์ฟาน ก็ไม่ยิ่งหย่อน 34 ปี ดูแล้วไม่รู้จะเอาอะไรไปเจาะ อุรุกวัย ที่น่าจะยิงชนะขาดไปแบบไม่ยากเย็น