คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน ราชวังสัน
ยูเอ๊ฟฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2019 (2019 UEFA Champions League) ฟุตบอลชิงแช้มพ์สโมสรยุโรปถ้วยใบใหญ่ที่สุด ฤดูกาล 2018-19 นับเป็นหนที่ 64 นับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นในปี 1955 เดินทางมาถึงนัดชิงชนะเลิศในวันเสาร์ที่ 1 มิถุนายนนี้ ระหว่าง ท้อทแน่ม ฮ้อทสเปอร์ (Tottenham Hotspur FC) กับ ลิเว่อร์พูล (Liverpool FC) สองทีมจาก อังกฤษ เข้าชิงกันเองอีกครั้งหลังจากที่ แมนเช้สเต้อร์ ยูนายเถ็ด (Manchester United) เคยเข้าชิงกับ เช็ลซี (Chelsea FC) ในปี 2008 นี่เป็นการเว้นวรรคตัดตอนการผูกขาดแช้มพ์โดยสโมสรจาก สเปน ที่ เรอัล มาดริด กับ บารเซโลนา ผลัดกันครองมาตั้งแต่ฤดูกาล 2013-14
การแข่งขันจะมีขึ้นที่ เอ๊สตาดิโอ เมโตรโปลีตาโน (Estadio Metropolitano) ใน กรุงมาดริด สนามแห่งนี้เปิดใช้งานในปี 1994 เป็นของเทศบาล ต่อมาโอนให้ศาลาว่าการกรุงมาดริด และหลังจากที่มีการปรับปรุงให้สามารถจุผู้ชมได้จาก 20,000 ที่นั่งเป็น 67,829 ที่นั่ง อั๊ตเลติโก มาดริด (Club Atlético de Madrid) ก็ซื้อไปเป็นกรรมสิทธิ์เพื่อใช้เป็นสนามเหย้าแห่งใหม่ ความจริงสนามนี้มีชื่อเต็มว่า เอ๊สตาดิโอ วั่นต๋า เมโตรโปลีตาโน (Estadio Wanda Metropolitano) ก็เพราะ วั่นต๋า จี่ถวน (Wanda Group) กลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่ของ จีน ที่ดำเนินการด้านอสังหาริมทรัพย์ อุตสาหกรรม สื่อ และด้านอื่นๆอีกมากมายเข้ามาเป็นผู้สนับสนุน แต่เนื่องจาก สหสมาคมฟุตบอลยุโรป หรือ ยูเอ๊ฟฟ่า ไม่อนุญาตให้มีชื่อของธุรกิจอื่นใดที่ไม่ได้เป็นผู้สนับสนุนของ ยูเอ๊ฟฟ่า เมื่อใช้เป็นสนามแข่งขันในรายการนี้ จึงต้องตัดชื่อสป็อนเซ่อร์ของ จีน ออกไป
การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศนี้ นอกจากจะใช้ วีดิโอช่วยตัดสิน (Video Assistant Referee - VAR) แล้ว ยูเอ๊ฟฟ่า ยังอนุญาตให้มีการเปลี่ยนผู้เล่นได้ 4 คนอีกด้วย โดยคนที่ 4 จะเปลี่ยนได้ถ้าต้องมีการต่อเวลาพิเศษหลังจากเสมอกันใน 90 นาที ซึ่งจำนวนผู้เล่นสำรองก็จะใส่เพิ่มได้จาก 7 คนเป็น 12 คน
เพื่อความปลอดภัยในนัดชิงชนะเลิศ เขาจะกันกองเชียร์ทั้ง 2 ฝ่ายไม่ให้นั่งติดกัน ทำให้เหลือที่นั่งเพียง 63,500 ที่นั่ง โดยแบ่งให้ สเปอร์ กับ ลิเว่อร์พูล ไปขายให้แฟนๆของตน สโมสรละ 17,000 ที่นั่ง และทาง ยูเอ๊ฟฟ่า จัดการขายให้แก่แฟนทั้ง 2 ทีมนี้ที่อยู่ทั่วโลกทางออนลายน์เองอีก 4,000 ที่นั่ง บัตรเข้าชมมีราคา 70 160 450 และ 600 ยูโร ส่วนบัตรที่เหลือก็แบ่งให้สมาคมฟุตบอลชาติต่างๆ เจ้าหน้าที่ผู้จัดการแข่งขัน ผู้สนับสนุน บริษัท ห้างร้านต่างๆซื้อไปจำหน่ายหรือจัดรายการส่งเสริมการขาย
เงินรางวัลสำหรับสโมสรที่คว้าแช้มพ์ ทาง ยูเอ๊ฟฟ่า จัดไว้ให้ 19 ล้าน ยูโร ส่วนผู้แพ้ในนัดชิงชนะเลิศจะได้รับ 15 ล้าน ยูโร แต่นั่นยังไม่ใช่ทั้งหมด เพราะเขามีเงินอีกมากมายให้ไล่เก็บสะสมมาเป็นลำดับตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งทั้ง 2 ทีมต่างก็ได้รับค่าธรรมเนียมการเข้าร่วมแข่งในรอบแบ่งกลุ่มอยู่แล้วทีมละ 15.25 ล้าน ยูโร
ในรอบแบ่งกลุ่ม ถ้าเกมใดได้รับชัยชนะก็ได้รับเงินรางวัลอีก 2.7 ล้าน ยูโร เสมอรับ 9 แสน และแพ้ อดรับเงินเพิ่ม ผลการแข่งขันของ สเปอร์ส นั้น ชนะ 2 เสมอ 2 และแพ้ 2 ทำให้ได้รับไปอีก 7.2 ล้าน ยูโร ส่วน ลิเว่อร์พูล ชนะ 3 แพ้ 3 ได้รับอีก 8.1 ล้าน ยูโร เมื่อเข้ารอบ 16 ทีม มี ยูเอ๊ฟฟ่า ให้อีก 9.5 ล้าน ยูโร รอบ 8 ทีม อีก 10.5 ล้าน ยูโร และรอบรองชนะเลิศอีก 12 ล้าน ยูโร รวมแล้ว สเปอร์ส มาถึงตรงนี้ได้รับไปแล้ว 54.45 ล้าน ยูโร ในขณะที่ ลิเว่อร์พูล มีอยู่ 55.35 ล้าน ยูโร คราวนี้ก็เหลือเพียงบวกจำนวนเงินที่จะได้รับในฐานะแช้มพ์หรือรองแช้มพ์เท่านั้น
ลิเว่อร์พูล ผ่าน รอบน้อค-เอ๊าท์ มาด้วยการเอาชนะทีมใหญ่ๆมา ทั้ง บาแยร์น มึนเชิ่น ปอรโต และ บารเซโลน่า ในขณะที่ สเปอร์ น่าจะงานเบากว่า ผ่าน โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ แมนเช้สเต้อร์ ซิตี้ และ อายแหย็กซ์ อัมสเตอร์ดัม และตามสถิติ ทั้ง 2 ทีมเคยพบกันมา 170 ครั้ง ลิเว่อร์พูล ชนะ 79 นัด สเปอร์ส ชนะ 48 นัด และเสมอกัน 43 นัด ผลจากการพบกันใน เพรอมิเอ ลีก ฤดูกาลล่าสุดนี้ ลิเว่อร์พูล ชนะไปทั้งเหย้าและเยือน สเปอร์ เข้าชิงชนะเลิศถ้วยนี้เป็นหนแรกเลย ถ้าได้แช้มพ์ก็ครบทุกถ้วยยุโรปเชียว ส่วน ลิเว่อร์พูล 9 หนแล้ว คว้าแช้มพ์มา 5 ครั้งแล้วด้วย แถมเป็นทีมที่มีแฟนคลับกองเชียร์อยู่ทั่วโลกมากกว่า การเข้าชิงชนะเลิศเป็นหนที่ 2 ติดต่อกัน ใครๆก็มองว่า ต้องได้เฉลิมฉลองกันอย่างยิ่งใหญ่แน่นอน แต่ผมว่า บางครั้งดวงไม่มี มันก็ไม่นะครับ