ใครจะเชื่อว่าจากวัยเด็กที่รับหน้าที่ล้างหม้อในร้านอาหารรับค่าจ้าง 3 ปอนด์ (ประมาณ 126 บาท) ต่อชั่วโมง แต่ปัจจุบันจะกลายเป็นกองหลังที่ดีที่สุดในโลกไปแล้ว
เรากำลังพูดถึง เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ก ที่เพิ่งคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำปีของ สมาคมนักฟุตบอลอาชีพอังกฤษ หรือ พีเอฟเอ จากการโหวตของเพื่อนร่วมอาชีพประจำเวที พรีเมียร์ ลีก
ย้อนไป 10 ปีก่อนหรือตอนอายุ 17 ปี ฟาน ไดจ์ก ต้องทำงานเป็นเด็กล้างหม้อขลุกตัวอยู่ขั้น 2 ของภัตตาคารชื่อ Oncle Jean ตั้งอยู่ตรงมุมถนนของเมืองบ้านเกิด เบรด้า ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ส
ตอนนั้น ฟาน ไดจ์ก อยู่ในทีมเยาวชนของ วิลเล่ม ทเว ซึ่งด้วยพื้นฐานครอบครัวที่ไม่มีเงินทองมากนัก นอกจากฝึกลูกหนังแล้วจึงต้องทำงานพิเศษหาเงินเพื่อแบ่งเบาภาระของพ่อกับแม่ ซึ่งเจ้าตัวก็จะขี่จักรยานจากบ้านไปโรงเรียน สนามซ้อม และร้านอาหาร แบบนี้แทบทุกวัน
ครั้งหนึ่งเจ้าของภัตตาคารเคยสบประมาท ฟาน ไดจ์ก ให้ทิ้งความฝันเป็นนักฟุตบอลอาชีพและก้มหน้าก้มตาขัดก้นหม้อไปเถอะ แน่นอนสิ่งนี้ถือเป็นแรงผลักดันชั้นดี
วัยเด็กของ ฟาน ไดจ์ก เริ่มต้นด้วยการเล่นตำแหน่งแบ๊กขวา ทว่าไม่ประสบความสำเร็จ ก่อนที่จะเปลี่ยนไปมาหลายบทบาท ส่วนหนึ่งก็เพราะว่าสูงถึง 180 เซนติเมตร สิ่งนี้เองโค้ชหลายคนมองว่าการเปลี่ยนตำแหน่งการเล่น รวมถึงรูปร่างของเขาคือปัญหา ก่อนจะย้ายสู่ทีม โกรนิงเกน ในปี 2010 แบบฟรีทรานเฟอร์
ไม่ใช่แค่ วิลเลม ทเว แต่รวมถึง โกรนิงเกน, อาแจ๊กซ์ อัมสเตอร์ดัม, เฟเยนูร์ด และ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ที่มองไม่เห็นศักยภาพในตัว ฟาน ไดจ์ก แต่ละทีมเมินที่จะคว้าไปร่วมทัพทั้งที่โอกาสมากองตรงหน้า
หลังเล่นชุดใหญ่ให้ โกรนิงเกน ระหว่างปี 2011-13 แล้วก็เป็นเป็น กลาสโกว์ เซลติก ที่ควักเงิน 2.6 ล้านปอนด์ (ประมาณ 110 ล้านบาท) คว้าตัว ฟาน ไดจ์ก ภายใต้สัญญายาว 4 ปี
เล่นภายใต้ยูนิฟอร์มของ เซลติก 2 ฤดูกาลคว้าแชมป์ สกอตติช พรีเมียร์ชิป 2 ปีติดและ สกอตติช ลีก คัพ อีกหนึ่งถ้วย เซาธ์แฮมป์ตัน ก็ยินดีจ่าย 13 ล้านปอนด์ (ประมาณ 546 ล้านบาท) ซื้อ ฟาน ไดจ์ก ไปร่วมทัพ เริ่มต้นด้วยสัญญา 5 ปีก่อนจะขยายออกเป็น 6 ปี
ด้วยผลงานยอดเยี่ยมเพียงแค่ 2 ฤดูกาล ลิเวอร์พูล ที่ตอนนั้นกำลังควานหากองหลังยอมควักเงินสถิติโลกในตำแหน่งแนวรับ 75 ล้านปอนด์ (ประมาณ 3,200 ล้านบาท) ดึงไปอุดหลังบ้าน
ถือเป็นการลงทุนที่เกินคุ้มสำหรับ ลิเวอร์พูล เพราะปีนี้ที่ ฟาน ไดจ์ก เล่นแบบเต็มฤดูกาลเป็นปีแรกทีมเสีย 20 ประตูจาก 36 นัดน้อยที่สุดใน พรีเมียร์ ลีก และกำลังคั่วแชมป์กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อยู่ในขณะนี้ ที่สำคัญผุดสถิติสุดยอดคือไม่มีใครเลี้ยงผ่านเขาได้เลย รวมถึงเข้าตัดเชือก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
รางวัลตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมของ พีเอฟเอ ที่คว้ามาได้นั้นถือเป็นก้าวแรกของ ฟาน ไดจ์ก ก็ว่าได้ เพราะหาก ลิเวอร์พูล สามารถผ่าน บาร์เซโลน่า ในรอบตัดเชือก แชมเปี้ยนส์ ลีก ตำแหน่ง "บัลลงดอร์" หรือ "บอลทอง" อาจจะกำลังลอยมาก็เป็นได้
เมืองเบรด้ามีประวัติที่น่าสนใจคือตั้งอยู่ทางตอนใต้ของ เนเธอร์แลนด์ อดีตเคยเป็นเมืองที่มีป้อมปราการที่มีความสำคัญในด้านยุทธศาสตร์ทั้งทางทหารและการเมือง ดังนั้นเราจะตั้งฉายา ฟาน ไดจ์ก ว่า "ภูผาหินจากเบรด้า" ก็ไม่ผิดนัก