xs
xsm
sm
md
lg

ปรีวิว “ช้างศึก” ดวล อินเดีย พิสูจน์กึ๋น “ราเยวัช” ประเดิมศึกใหญ่ “เอเชียน คัพ 2019”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติเอเชีย “เอเชียน คัพ 2019” เตรียมลงสนามฟาดแข้งอย่างเป็นทางการช่วงสุดสัปดาห์นี้ ไฮไลต์สำคัญ ขุนพล “ช้างศึก” ทีมชาติไทย จะประเดิมเกมแรก กลุ่ม เอ พบทีมจากแดนโรตี ทีมชาติอินเดีย วันที่ 6 มกราคม 2562 เวลา 20.30 น. ตามเวลาไทย ช่อง 7 เอชดี ถ่ายทอดสด

พลพรรคช้างศึก ภายใต้การคุมทีมของ มิโลวาน ราเยวัช ทีมอันดับ 118 ของโลก เพิ่งอกหักกระเด็นตกรอบรองชนะเลิศฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน “เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2018” พลาดเข้าไปป้องกันแชมป์อย่างน่าเสียดาย หลังพ่ายแพ้ให้กับมาเลเซีย ด้วยกฎอเวย์โกล

อย่างไรก็ตาม ทัวร์นาเมนต์นี้ทีมชาติไทยถือว่าฟูลทีมพอสมควร ซึ่งแตกต่างจากในศึกชิงแชมป์อาเซียน เนื่องจากได้ 3 แข้งตัวหลักที่ไปค้าแข้งในเจลีก ญี่ปุ่น อย่าง ชนาธิป สรงกระสินธ์, ธีรศิลป์ แดงดา และ ธีราทร บุญมาทัน กลับมามีชื่อช่วยทีมอีกครั้ง แต่จะไม่มีนายทวารหมายเลขหนึ่ง อย่าง กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ที่ได้รับบาดเจ็บบริเวณเท้าจนต้องถอนตัวออกไป

“บิ๊กโทนี่” กิติศักดิ์ จำปาทิพย์พงศ์ ผู้อำนวยการทีมชาติไทย กล่าวถึงการลงเล่นในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ระดับเอเชีย ของขุนพล “ช้างศึก” ว่า “นี่คือ ทัวร์นาเมนต์ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งหลายคนยังไม่เคยได้สัมผัสกับบรรยากาศแบบนี้ และทัวร์นาเมนต์แบบนี้ เพราะเราเข้ารอบเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี จึงเป็นเรื่องใหม่หมดสำหรับเด็กทุกคน เพราะฉะนั้นผมก็บอกพวกเขาว่ารายการนี้เป็นเป้าหมายที่ใหญ่ที่สุดสำหรับพวกเรา เราต้องสร้างสถิติใหม่ให้กับวงการฟุตบอลไทย อย่างน้อยเราผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายได้ หรือถ้าเราโชคดีเราไปได้ไกลถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายนั่นคือเราประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก”

สภาพความพร้อมของทีมชาติไทยในเกมนี้ ผู้เล่นทั้ง 23 คนอยู่ในสภาพสมบูรณ์ทุกราย ไม่มีผู้เล่นบาดเจ็บ พร้อมเป็นตัวเลือกให้ มิโลวาน ราเยวัช ได้ใช้งานอย่างเต็มที่ โดย ผลการเกมอุ่นเครื่องล่าสุดของทีมชาติไทย ลงสนามแบบปิดทั้ง 2 เกม เฉือนชนะ ไทยฮอนด้า เอฟซี สโมสรจากศึกเอ็ม-150 แชมเปียนชิพ 1-0 ส่วนอีกหนึ่งเกมพ่ายแพ้ให้กับ โอมาน ในการอุ่นแข้งที่ยูเออี 0-2

ขณะที่ ทีมชาติอินเดีย ภายใต้การคุมทีมของ สตีเฟ่น คอนสแตนติน เทรนเนอร์ชาวอังกฤษ ทีมอันดับ 97 ของโลกจากการจัดอันดับฟีฟ่าแรงกิ้งล่าสุด ผลงานในเกมอุ่นเครื่องที่ผ่านมาทำผลงานได้ดีด้วยการบุกไปยันเสมอทีมชาติจีน ถึงถิ่น 0-0 พ่าย จอร์แดน 1-2 และล่าสุดเสมอกับ โอมาน 0-0 ในการอุ่นแข้งที่ยูเออี

บรรดานักเตะทั้ง 23 คนของอินเดีย ถือว่าฟูลทีมในรอบหลายๆปี ซึ่งพวกเขาเก็บตัวฝึกซ้อมในแคมป์ทีมชาติกันมาโดยตลอดในรอบปีที่ผ่านมา นำทัพโดย สุนีล ชเฮตรี ดาวยิงกัปตันทีมจอมเก๋าวัย 34 ปี ที่ลงเล่นในนามทีมชาติไปแล้วมากกว่า 100 นัด พังไป 65 ประตู รวมไปถึง เจเจ ลาลเปคห์ลัว อีกหนึ่งกองหน้าตัวเก่ง วัย 27 ปี แต่ที่สำคัญจุดเด่นของยอดทีมจากแดนโรตีชุดนี้อยู่ที่ผู้เล่นในแนวรับที่หลายๆ คนมีรูปร่างสูงใหญ่ สูงเกิน 185-90 ซม.

สตีเฟ่น คอนสแตนติน กุนซือใหญ่ทีมชาติอินเดีย กล่าวว่า “เราเริ่มเตรียมทีมทันทีหลังเข้ามาเล่นในรอบสุดท้าย แน่นอนว่าผมจะชอบเกมอุ่นเครื่องสัก 2-3 เกมก่อนที่จะเข้าสู่ทัวร์นาเมนต์ แต่ในด้านบวกนักเตะเรามีความฟิตและไม่มีอาการบาดเจ็บ ผู้เล่นของเรารวมถึงทีมงานสต๊าฟโค้ชทุกคนทำงานกันมาอย่างหนักมากในช่วงที่ผ่านมา ผมคิดว่าความพยายามของพวกเราจะทำให้อินเดียประสบความสำเร็จในรายการนี้อย่างแน่นอน”

สถิติการเจอกันของทั้งสองทีมก่อนหน้านี้เคยปะทะแข้งกันมา 23 นัด ทีมชาติไทย ทำได้ดีกว่า ชนะไป 11 นัด เสมอ 7 นัด อินเดีย ชนะ 5 นัด การเจอกันครั้งล่าสุดเป็นเกมอุ่นเครื่องเมื่อปี 2010 ปรากฏว่า ไทย บุกชนะ อินเดีย ถึงถิ่น 1-2 ซึ่งการเจอกัน 7 นัดหลังสุด ไทย ไม่เคยแพ้อินเดีย และเป็นการเก็บชัยได้ถึง 6 นัด เสมอ 1 นัด ครั้งสุดท้ายที่ อินเดีย ชนะไทย ต้องย้อนไปเมื่อปี 1986 ในฟุตบอลทัวร์นาเมนต์อุ่นเครื่อง เมอร์เดก้า คัพ ที่มาเลเซีย ซึ่งเป็นทีมจากแดนโรตี เอาชนะไป 3-1

คาดการณ์รายชื่อ 11 ตัวจริงทีมชาติไทย ที่จะลงสนามพบ อินเดีย ประกอบด้วย ผู้รักษาประตู : ฉัตรชัย บุตรพรม, กองหลัง : กรกช วิริยอุดมศิริ, เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว, พรรษา เหมวิบูลย์, มิก้า ชูนวลศรี, ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์, ธนบูรณ์ เกษารัตน์, ธีราทร บุญมาทัน, ชนาธิป สรงกระสินธ์, ทริสตอง โด, ธีรศิลป์ แดงดา


กำลังโหลดความคิดเห็น