คอลัมน์ “Golf Healing” โดย “พลโทนายแพทย์ สมศักดิ์ เถกิงเกียรติ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกประจำโรงพยาบาลพระมงกุฎ และ โรงพยาบาลรามคำแหง มีประสบการณ์ในการดูแลผู้ป่วยมากกว่า 30 ปี somsak_doctor@hotmail.com”
คุณสง่า สั่งไวน์มาดื่ม หลังรับประทานอาหารในงานเลี้ยงหลังการแข่งขันกอล์ฟที่สโมสรแห่งหนึ่ง… “เหลือแต่เบียร์ครับเฮีย” เจ้าเก่งเดินกลับมาพร้อมทั้งเบียร์มาสองขวด… “งั้น…เอ็งเอาไปกินเลย”… “อ้าว!ทำไมเฮียไม่กินละ?” เด็กอ้วนสงสัย… “เฮียกินเบียร์แล้วเกาต์กำเริบทุกที?
- เหล้ากับโรคเกาต์
เหล้าเป็นสาเหตุสำคัญของภาวะกรดยูริกในเลือดสูงและโรคเกาต์ หนุ่มๆที่เคยมีประสบการณ์โรคเกาต์ อาจจะจำได้ว่า หลังดื่มเหล้ากับหมู่เพื่อนพอกลับบ้านหรือยังไม่ถึงบ้าน ก็มีอาการปวดบวมที่หัวแม่เท้าอย่างรุนแรง อาการนั้นเกิดขึ้น เพราะเหล้าทำให้กรดยูริกในเลือดสูงขึ้นและยังทำให้เลือดเป็นกรด ส่งผลให้กรดยูริกตกตะตอนภายในข้อและกระตุ้นให้เกิดการอักเสบอย่างรุนแรง
ชนิดของเหล้าที่ดื่ม จะมีผลต่อระดับยูริกไม่เท่ากัน เบียร์จะทำให้ระดับกรดยูริกสูงขึ้นมากกว่าวิสกี้ ส่วนไวน์ทำให้ระดับของกรดยูริกสูงขึ้นไม่มาก ดังนั้น สำหรับคนที่เป็นเกาต์ ถ้าหยุดเหล้าได้น่าจะดีที่สุด แต่ถ้าจะต้องดื่มเพื่อเข้าสังคม ก็แนะนำให้เลือกดื่มเป็นไวน์และไม่ควรดื่มเบียร์อย่างเด็ดขาด
นอกจากนั้น สำหรับคนที่รู้ตัวว่ามีระดับของกรดยูริกในเลือดสูงอยู่แล้วภายหลังดื่มเหล้า อยากจะแนะนำให้รับประทานสารด่าง โซเดียมไบคาร์โบเนตที่ขายในเมืองไทยและเป็นที่รู้จักกันดี ก็คือ อีโน(ENO) ซึ่งถูกนำมาใช้เป็นยาลดกรดในกระเพาะในต่างประเทศโซดามินท์ มีจำหน่ายเป็นยาเม็ดฟองฟู่ในชื่อว่า อัลดา เชลเซอร์ ซึ่งถูกนำมาโฆษณาให้ใช้รักษาอาการเมาค้างหรือแฮงค์โอเวอร์ เนื่องจากว่า ภายหลังการดื่มเหล้า จะมีการคั่งของสารอเซตาลดิไฮด์และกรดอะซิติค การรับประทานยา โซเดียมไบคาร์โบเนตจะช่วยให้ร่างกาย กำจัดสารพิษเหล่านี้ได้ดีขึ้นและอาจจะช่วยบรรเทาอาการเมาค้างลงได้บ้าง
สำหรับโซเดียมไบคาร์โบเนตซึ่งสามารถป้องกันอาการเกาต์ได้ โดยรับประทานครั้งละ 2-3เม็ด วันละ2-3ครั้ง ได้อย่างปลอดภัย โซดามินท์จะช่วยป้องกัน ภาวะเลือดเป็นกรด ซึ่งเป็นสาเหตุของการตกตะกอนของกรดยูริกได้ เราถือว่าโซดามินท์ เป็นยาชะลอวัย ที่มีราคาถูกที่สุด เพราะเม็ดหนึ่งไม่ถึงบาท โซดามินท์ไม่เพียงแต่ช่วยป้องกันเกาต์ แต่ยังเป็นยาลดกรดและป้องกันไตเสื่อมอีกด้วย
“ถ้างั้นเรากินเหล้า ผสมโซดาเยอะๆน่าจะดีนะครับ?”
“เออ!เข้าใจคิดนะมึง…ไอ้อ้วน!”