เอเยนซี - ครบ 4 ชาติผ่านเข้า "เนชันส์ ลีก ไฟนอลส์" รอการประกบคู่เตะรอบรองชนะเลิศประกอบไปด้วย เนเธอร์แลนด์ส, สวิตเซอร์แลนด์, โปรตุเกส และ อังกฤษ ซึ่งหนึ่งในชาติที่ได้รับการจับตามองก็คือขุนพล "ฟลายอิ้ง ดัตช์แมน"
เนเธอร์แลนด์ส หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า ฮอลแลนด์ โชว์ฟอร์มได้อย่างร้อนแรงในศึก "เนชันส์ ลีก" ลีก เอ กลุ่ม 1 จนคว้าแชมป์สาย ไม่ว่าจะถล่ม เยอรมนี 3-0 ชนะแชมป์โลก 2018 ฝรั่งเศส 2-0 และล่าสุดเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายนที่ผ่านมา บุกไปไล่ตีเสมอ "อินทรีเหล็ก" 2-2
ก่อนหน้านี้ เนเธอร์แลนด์ส ถูกมองว่ากำลังเข้าสู่ยุคมืด เพราะหลังจากเข้าชิง เวิลด์ คัพ 2010 ตามด้วยอันดับ 3 ฟุตบอลโลก 2014 แต่กลับไม่ได้ไปเล่น ยูโร 2016 ตามด้วยบอลโลก 2018 แข้งแกนหลักอย่าง เวสลี่ย์ สไนเดอร์, โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ และ อาร์เยน ร็อบเบน ก็ทยอยอำลากันไปจนหมด
แต่ล่าสุดเจ้าของฉายา "เครื่องจักรสีส้ม" ในยุคผลัดใบได้เวลาผลิดอกออกผลแข้งดาวรุ่งหลายคนโชว์ฟอร์มได้อย่างร้อนแรงภายใต้การคุมทัพของ โรนัลด์ คูมัน จนพร้อมกลับมาทวงความยิ่งใหญ่บนเวทีลูกหนังคืนมาอีกครั้ง
แน่นอนว่าเหตุผลแรกที่จะทำให้ เนเธอร์แลนด์ส กลับมาอีกครั้งก็คือกุนซืออย่าง คูมันนที่มารับตำแหน่งต่อจาก ดิ๊ก อัดโวคาท เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2018 นายใหญ่วัย 55 ปีถือเป็นผู้มีบารมีตั้งแต่สมัยค้าแข้งคว้าแชมป์กับ อาแจ๊กซ์ อัมสเตอร์ดัม, พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น และ บาร์เซโลน่า
คูมัน อยู่ในชุดความสำเร็จหนึ่งเดียวของ เนเธอร์แลนด์ส คือแชมป์ ยูโร เมื่อปี 1988 หรือเมื่อ 30 ปีก่อนร่วมกับ รุด กุลลิท, มาร์โก แวน บาสเท่น และ แฟรงค์ ไรจ์การ์ด โดยรอบชิงชนะเลิศเอาชนะ สหภาพโซเวียต 2-0
เมื่อผันตัวมาเป็นกุนซือ คูมัน เริ่มงานในฐานะผู้ช่วยทีมชาติฮอลแลนด์ตามด้วย บาร์เซโลน่า ก่อนจะมาเป็นนายใหญ่แบบฟูลไทม์กับทีมดังมากมาย อาทิ อาแจ๊กซ์, เบนฟิก้า, พีเอสวี, บาเลนเซีย, เฟเยนูร์ด, เซาธ์แฮมป์ตัน และ เอฟเวอร์ตัน
สไตล์ของ คูมัน นั้นระห่ำตั้งแต่สมัยเป็นผู้เล่นแล้วสืบทอดมาจนถึงกุนซือที่กล้าได้กล้าเสียเปิดเกมรุกทำให้ เนเธอร์แลนด์ส กลับมาเป็นทีมที่คลั่งไคล้เกมบุกอีกครั้งรวมถึง "โททัล ฟุตบอล" อันเลื่องชื่อ อย่างเกมล่าสุดบุกไปเยือน เฟลติน อารีน่า เป็นรอง เยอรมนี 2-0 ก่อนจะปรับหมากส่ง เวอร์จิล ฟาน ไดก์ ไปเล่นกองหน้าจนตีเสมอได้สำเร็จในนาทีที่ 90+1
ตามด้วยเหตุผลที่ว่า เนเธอร์แลนด์ส ชุดนี้มีเกมรับที่ดี นำโดย ฟาน ไดก์ เซนเตอร์ฮาล์ฟจาก ลิเวอร์พูล ที่ว่ากันว่าตอนนี้ดีที่สุดในโลกไปแล้ว ซึ่งก็มี มัทไทจ์ส เดอ ลิกท์ ดาวรุ่งวัย 19 ปีจาก อาแจ๊กซ์ คอยสอดประสาน ที่เหลือก็มี สเตฟาน เดอ ฟรีจ์, ดาลีย์ บลินด์ และ นาธาน อาเก้ ลบล้างอดีตของ "อัศวินสีส้ม" ที่ถูกตราหน้าว่าหลังบ้านไม่ค่อยดีเพราะมัวสนใจเปิดเกมรุกอย่างเดียว
จุดขายของ เนเธอร์แลนด์ส แต่ไหนแต่ไรแล้วก็คือแนวรุกฝีเท้าจัด ชุดนี้นำมาโดย เมมฟิส เดปาย ที่ไปเรียกความมั่นใจกลับมาจากการเล่นให้ โอลิมปิก ลียง ปัจจุบันวัย 24 ปีเรียกได้ว่าห้าวเต็มที่ รวมถึงกองหน้าดาวรุ่งอย่าง จัสติน ที่เป็นลูกชายของตำนานอย่าง แพทริค ไคลเวิร์ต
ยังมีตัวเก๋าอย่าง แยสเปอร์ ซิลเลสเซ่น, จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม, เควิน สตรูทมัน และ ไรอัน บาเบล คอยประคองทีมอีก ซึ่งเหตุผลแค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะปลุก "เครื่องจักรสีส้ม" ให้กลับมาทำงานสร้างความประหวั่นพรั่งพรึงเหมือนเมื่อครั้งอดีต