“นาโอมิ โอซากะ” ลูกครึ่งญี่ปุ่น-เฮติ พังกำแพงเชื้อชาติ ซิวแชมป์ "ยูเอส"

เอเยนซี – แม้เกมนัดชิงชนะเลิศเทนนิส แกรนด์ สแลม สุดท้ายของปีจะจบลงแบบมีดราม่าใหญ่โต แต่ไม่อาจปฏิเสธความจริงได้ว่ามีแชมป์คนใหม่เกิดขึ้นเมื่อ นาโอมิ โอซากะ นักเทนนิสสาวชาวญี่ปุ่น สยบ เซเรนา วิลเลียมส์ หวดรุ่นพี่จอมเก๋า 2 เซตรวด ก่อนผงาดชูโทรฟี ยูเอส โอเพน สร้างประวัติศาสตร์ใหม่แก่วงการลูกสักหลาดญี่ปุ่นและเอเชีย แต่เหนืออื่นใดคือการทลายกำแพงชาติพันธุ์ที่สังคมญี่ปุ่นยึดติดมานาน รวมถึงทำให้ญาติของเธอยอมรับในเส้นทางที่ลิขิตเอง

แมตช์ชิงดำที่สนามเทนนิสแห่งชาติ ยูเอสทีเอ บิลลี จีน คิง คืนวันที่ 8 กันยายน ที่ผ่านมา นาโอมิ โอซากะ มือ 19 ของโลกจากญี่ปุ่น เผชิญหน้ากับ เซเรนา วิลเลียมส์ ผู้เล่นอดีตมือ 1 โลก ขวัญใจเจ้าถิ่นและเป็นไอดอลที่เธอชื่นชมตั้งแต่เด็ก ปรากฏว่าแมตช์นี้ นาโอมิ เล่นได้เหนือชั้นกว่าแชมป์ แกรนด์ สแลม 23 สมัย ที่ตีเสียกระจุยถึง 34 ครั้งตลอดแมตช์ แถมยังคุมอารมณ์ไม่อยู่มีปากเสียงกับผู้ตัดสินจนโดนหักแต้ม แล้วเป็นหวดรุ่นน้องที่นิ่งกว่าปิดแมตช์เฮ 2-0 เซต 6-2, 6-4

ทำให้หวดสาววัย 20 ปี เดินขึ้นโพเดียมชูถ้วย แกรนด์ สแลม ยูเอส โอเพน เต็มภาคภูมิ รับเงินรางวัลกลับบ้าน 3.8 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 124 ล้านบาท) พร้อมจารึกชื่อเป็นชาวญี่ปุ่นคนแรกที่ได้ครองแชมป์รายการระดับบิ๊กโฟร์แห่งวงการลูกสักหลาด โดยก่อนหน้าเคยมีคนเกือบทำได้คือ เคอิ นิชิโคริ หวดชายรุ่นพี่ที่เข้าถึงรอบชิงในบิ๊กแอปเปิ้ล ปี 2014 ทว่าแพ้ มาริน ซีลิช จากโครเอเชีย ได้แค่รองแชมป์ แต่ถ้านับรวมเอเชียก็ถือเป็นคนที่ 2 ต่อจาก หลี่ นา ตำนานแร็กเกตหญิงชาวจีนที่ได้ แกรนด์ สแลม 2 ใบ

การจัดแรงกิ้งโลกของฝ่ายหญิงหนล่าสุดในวันที่ 10 กันยายนนี้ ชื่อของ นาโอมิ โอซากะ จะกระโดดขึ้นไปนั่งมือ 7 ของโลก นับเป็นอันดับโลกสูงสุดของผู้เล่นดาวรุ่งที่เพิ่งลงแข่งขันอาชีพมาตั้งแต่ปี 2013 และเธอก็พิสูจน์แล้วว่าความสำเร็จที่ได้มาไม่ใช่เรื่องฟลุก เมื่อ นาโอมิ ค่อยๆยกระดับการเล่นขึ้นต่อเนื่อง จากที่เคยได้รองแชมป์ แพน แปซิฟิค โอเพน ปี 2016 มาปีนี้เธอคว้าแชมป์ศึกใหญ่ระดับมาสเตอร์สที่ อินเดียน เวลส์ อันเป็นถ้วย ดับเบิลยูทีเอ ใบแรก และมาเปรี้ยงกับโทรฟี ยูเอส โอเพน ปัจจุบัน

นาโอมิ คือทายาทคนเล็กของ ทามากิ โอซากะ คุณแม่ชาวญี่ปุ่น และ ลีโอนาร์ด ฟรังซัวร์ คุณพ่อซึ่งเป็นชาวเฮติ ที่พบรักกันหลังฝ่ายชายย้ายมาพำนักที่แดนปลาดิบ ก่อนแต่งงานกันแล้วให้กำเนิด นาโอมิ กับ มารี พี่สาวคนโต พออายุ 3 ขวบก็ย้ายไปอยู่ที่ ฟลอริด้า สหรัฐอเมริกา เป็นลูกครึ่งถือสองสัญชาติญี่ปุ่น-อเมริกัน ทั้งสองสาวเล่นเทนนิสด้วยกัน แข่งประเภทคู่แต่เป็น นาโอมิ ที่ดูไปได้สวยกว่าจึงแยกมาเล่นเดี่ยว โดยมี ซาช่า บาชิน โค้ชที่เคยทำงานกับผู้เล่นระดับโลกอย่าง เซเรน่า วิลเลียมส์, วิคตอเรีย อซาเรนกา และ คาโรไลน์ วอซเนียคกี เป็นติวเตอร์คู่ใจ

ข่าวคราวความสำเร็จของ นาโอมิ ที่สหรัฐอเมริกา ทำให้สื่อญี่ปุ่นทุกสำนักพร้อมใจกันนำเสนอเป็นข่าวใหญ่ประจำวัน นับเป็นข่าวดีที่ปลอบประโลมจิตใจชาวญี่ปุ่นเป็นอย่างดีหลังจากพวกเขาประสบภัยอุทกภัยครั้งใหญ่เมื่อเดือนสิงหาคมจนมีผู้เสียชีวิตและบ้านเรือนเสียหายเป็นจำนวนมาก พร้อมกับยกให้เธอคือความหวังของชาติในการลุ้นเหรียญรางวัล โอลิมปิก เกมส์ 2020 ซึ่งสวนทางกับกระแสวิจารณ์เรื่องชาตินิยมที่คนญี่ปุ่นหัวโบราณส่วนมากไม่ภูมิใจกับสิ่งที่เธอทำเพราะเธอไม่ใช่ชาวญี่ปุ่น 100 เปอร์เซ็นต์

เป็นที่รู้กันว่า ญี่ปุ่น คือประเทศที่มีความเป็นชาตินิยมสูง พวกเขายินดีสนับสนุนสินค้าข้าวของเครื่องใช้ที่ผลิตในประเทศ รวมถึงบุคคลที่ทำชื่อเสียงให้ประเทศชาติ แต่หากไม่ใช่สายเลือดบูชิโดของแท้ก็จะถูกวิจารณ์เหมือนเป็นคนนอก ไม่เว้นกระทั่ง นาโอมิ ที่ถูกคุณปู่ของตัวเอง เท็ตสึโอะ โอซากะ ดูถูกเรื่องความฝันการเป็นนักเทนนิสอาชีพของหลานสาวมาตลอดเพราะคิดว่าควรไปทำงานทำการที่มีประโยชน์มากกว่านี้ แต่ปัจจุบันเขากลับร้องไห้ภูมิใจที่ได้เห็นความสำเร็จของหลานสาววัย 20 ผ่านจอทีวี

ณ เวลานี้ ชื่อของ นาโอมิ โอซากะ คือความหวังใหม่ของวงการเทนนิสญี่ปุ่น หลังจาก เคอิ นิชิโคริ นักหวดชายมือ 1 ของประเทศ กรุยทางนำมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่สิ่งที่เหนือกว่าชัยชนะของเธอคือการทำให้ประชาชนชาวญี่ปุ่นยอมรับชาติกำเนิดที่แตกต่างของตนเอง ซึ่งจะเป็นประโยชน์สำคัญต่อนักกีฬาลูกครึ่งชาวญี่ปุ่นคนอื่นจะได้รับการสรรเสริญมากขึ้นหลังจากนี้