ไทยลีกกลับมาโม่แข้ง "สุโขทัย-โปลิศ-สุพรรณบุรี" หนีตายสุดท้ายวัดเกมรับ

ผู้จัดการรายวัน 360 - แม้จะมี 3 ทีมอย่าง แอร์ฟอร์ซ, อุบลฯ และ ราชนาวี ที่ค่อนข้างแน่นอนว่าจะต้องตกชั้นสู่ไทยลีก 2 ทว่าอีก 3 ทีมอย่าง สุโขทัย, โปลิศ เทโร และ สุพรรณบุรี ที่มี 30 แต้มเท่ากันต่างก็ต้องดิ้นรนอย่างหนักเพื่อเอาตัวรอด สุดท้ายต้องมาดูที่ผลงานเกมรับว่าใครจะอยู่รอดในลีกสูงสุด

หลังจากฟุตบอลโตโยต้า ไทยลีก 2018 หยุดพักการแข่งขันเพื่อหลีกทางให้กับทีมชาติไทยชุดปรีโอลิมปิก ไปแข่งขันเอเชียนเกมส์ 2018 ที่ประเทศอินโดนีเซีย หลังจบนัดที่ 26 เป็นเวลาราว 1 เดือน ก่อนจะกลับมาฟาดแข้งกันใหม่ในวันพุธที่ 5 กันยายน 2561 ซึ่งสถานการณ์ของทีมลุ้นแชมป์คงยากเปลี่ยนแปลงตำแหน่งจ่าฝูงอย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่นำ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ถึง 9 คะแนน ด้วยฟอร์มที่สม่ำเสมอ

แต่ช่วงปลายฤดูกาล ที่เหลือการแข่งขันอีกเพียง 8 นัด ก็จะรู้ผลว่า 5 ทีมที่ต้องร่วงหล่นชั้นสู่ไทยลีก 2 นั้นจะมีทีมใดบ้าง หลังจาก 3 สโมสรใน 3 อันดับสุดท้ายอย่าง แอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล เอฟซี (อันดับ 18 มี 13 คะแนน), อุบล ยูเอ็มที ยูไนเต็ด (อันดับ 17 มี 18 คะแนน) และ ราชนาวี เอฟซี (อันดับ 16 มี 22 คะแนน) น่าจะตีตั๋วสู่ลีกรองแน่นอนแล้ว

ซึ่งการตกชั้นถึง 5 ทีม แม้ทางทฤษฎีแล้ว ทีมอันดับ 7 ของตารางคะแนนอย่าง พัทยา ยูไนเต็ด ที่มี 38 คะแนน ลงมาก็ยังมีโอกาสตกชั้นได้ แต่ในความเป็นจริงด้วยฟอร์มการเล่น 6 นัดหลังสุดแล้วนับว่ายากมาก เพราะ "โลมามหาภัย" ทีมนี้เป็นทีมที่เก็บได้ถึง 14 คะแนน แบ่งเป็นชนะ 4 นัด เสมอ 2 นัด

สำหรับอีก 2 โควต้าที่จะนำสู่ไทยลีก 2 นั้น ปัจจุบัน อันดับ 15 คือ สุโขทัย เอฟซี กับ อันดับ 14 โปลิศ เทโร เอฟซี รวมถึงอันดับ 13 สุพรรณบุรี เอฟซี ต่างก็มี 30 คะแนนเท่ากัน และถือเป็นตัวเต็งตกชั้นในสถานการณ์ล่าสุด แม้จะยังต้องขับเคี่ยวกับ ชัยนาท ฮอร์นบิล และ บางกอกกล๊าส เอฟซี ที่มี 33 คะแนน รวมถึง ชลบุรี เอฟซี และ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี ที่มี 35 คะแนน ทว่าโอกาสค่อนข้างยากที่จะเปลี่ยนแปลง

ทั้งนี้การแข่งขันนัดที่ 27 วันพุธที่ 5 กันยายนนี้ ทีมที่ต้องหนีตกชั้นจึงต้องเน้นเป็นพิเศษ เริ่มจาก สุโขทัย เอฟซี เปิดบ้านรับ โปลิศ เทโร เอฟซี ที่มีแต้มเท่ากัน และอยู่ในอันดับตกชั้นเหมือนกัน หากทีมไหนชนะ ก็ถือว่าได้เปรียบไปอีกขั้น รวมถึงมีโอกาสส่งผู้แพ้จองตั๋วไทยลีก 2 ค่อนข้างสูง

ในส่วนของฟอร์มทั้งสองทีมใน 6 เกมหลังสุด ถือว่าย่ำแย่พอกัน โดย "ค้างคาวไฟ" เก็บได้ 6 แต้ม จากการชนะ 1 เสมอ 3 และ แพ้ 2 ด้าน "มังกรโล่ห์เงิน" เก็บได้ 5 แต้ม ชนะ 1 เสมอ 2 และแพ้ 3 นัด ถือเป็นมวยถูกคู่ ส่วนการเจอกันในเลกแรก โปลิศ เทโร เปิดบ้านเฉือนชนะไปได้ 2-1

เช่นเดียวกับสถานการณ์ระหว่าง ราชบุรี มิตรผล เอฟซี ที่เปิดบ้านรับ สุพรรณบุรี เอฟซี หากว่า "ราชันมังกร" เอาชนะได้ก็จะเก็บ 3 แต้ม หนีทีมโซนตกชั้นออกไปอีก และทำให้ "ช้างศึกยุทธหัตถี" อยู่ในสถานการณ์ที่ต้องขับเคี่ยวกับ สุโขทัย และ โปลิศ เทโร เพื่อความอยู่รอด

อย่างไรก็ตามหากดูจากผลงานที่ผ่านมา แม้ทั้ง 3 สโมสร จะมีโอกาสตกชั้นพอๆ กันด้วยจำนวน 30 คะแนนที่เก็บมาได้ตลอด 26 นัด ทว่าแม้ว่าทั้ง 3 สโมสรจะมีดาวยิงจอมถล่มประตูระดับพระกาฬ อาทิ สุโขทัย มี เนลสัน โบนิลล่า (17 ประตู) กับ เอ็นจีว่า มาร์ติน (10 ประตู) รวมถึง อาชาวิน สูงเนิน 11 ประตู, โปลิศ เทโร มี มาร์คอส วินิซิอุส (11 ประตู) กับ มิเชล เอ็นดรี้ (13 ประตู) และ อ่อง ธู (10 ประตู) ขณะที่ สุพรรณบุรี เอฟซี มี โรมูโล เปไรร่า ปินโต (9 ประตู) และ เคลย์ตัน ซิลวา (9 ประตู)

แต่หากวัดกันที่จำนวนประตูที่เสียไป เมื่อดูผลงานจากเกมรับ จะเห็นได้ว่า สุพรรณบุรี เอฟซี เป็นทีมที่เสียประตูน้อยสุดใน 3 ทีมนี้ โดยเสียเพียง 28 ประตู ขณะที่ สุโขทัย โดนถลุงไปถึง 50 ประตู และ โปลิศ เทโร โดนไป 46 ประตู ซึ่งการเสียประตูจำนวนมากน่าจะส่งผลเสียมากกว่าทีมจอมเสมอ 12 นัด และถือเป็นทีมที่ผลเสมอมากที่สุดของไทยลีกฤดูกาลนี้อย่าง "ช้างศึกยุทธหัตถี" มีแต้มต่อในช่วงสุดท้ายที่แต่ละแต้มล้วนมีค่าต่อการอยู่รอด