ผู้จัดการรายวัน 360 – จบลงอย่างเป็นทางการกับมหกรรมกีฬาแห่งเอเชีย “เอเชียน เกมส์” ครั้งที่ 18 ที่กรุงจาการ์ต้า-ปาเล็มบัง ประเทศอินโดนีเซีย นับเป็นช่วงเวลาที่น่าผิดหวังไม่น้อยสำหรับทีมนักกีฬาไทยที่สร้างผลงานไม่ถึงเป้าหมาย 12-15 เหรียญทองตามที่ตั้งใจไว้ โดยเฉพาะผลงานของสมาคมกีฬาที่เป็นความหวังของชาติ ขณะที่เจ้าภาพ แม้จะติดท็อป 5 ของตารางเหรียญทอง แถมฝันใหญ่ถึงการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพ โอลิมปิก เกมส์ ปี 2032 แต่การบริหารจัดการยังคงย่ำแย่แบบที่หลายชาติต้องส่ายหัว
2 สัปดาห์แห่งการชิงชัยความเป็นหนึ่ง ปรากฏว่า จีน มหาอำนาจแห่งเอเชีย รักษาตำแหน่งแชมป์ไว้ได้ด้วยผลงาน 132 เหรียญทอง 92 เหรียญเงิน 65 เหรียญทองแดง รวมเป็น 289 เหรียญ แม้จำนวนเหรียญทองจะน้อยกว่าครั้งก่อนที่ อินชอน เกาหลีใต้ ปี 2014 ซึ่งทำไป 151 เหรียญทอง แต่ก็เพียงพอส่งให้พวกเขาเป็นแชมป์ต่อไป ขณะที่เจ้าภาพ อินโดนีเซีย ซัดไป 31 เหรียญทอง 24 เหรียญเงิน และ 43 เหรียญทองแดง รวมเป็น 98 เหรียญ จบอันดับ 4 ดีที่สุดย่านอาเซียน
ด้านผลงานนักกีฬาไทย สิ้นสุดลงที่ 11 เหรียญทอง 16 เหรียญเงิน และ 46 เหรียญทองแดง รวมทั้งหมด 73 เหรียญ อยู่อันดับ 12 ของตาราง ต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 15 เหรียญทอง และน้อยกว่า 4 ปีที่แล้วทำได้ 12 เหรียญทอง เรื่องดีคือมีหลายกีฬาที่สร้างเซอร์ไพรส์เก็บเหรียญใหญ่ให้ทีมทั้งทีมร่มร่อน, เทควันโด้พุมเซ่ ที่มาแข่งครั้งแรก, จักรยาน, ยิงปืน, เจ็ตสกี ขณะที่เหรียญเงิน และทองแดง ก็ได้จากชนิดกีฬาที่ไม่ได้วางเป้าสูงมากอย่าง ขี่ม้า, เรือแคนู, ปัญจักสีลัต, บาสเก็ตบอล ฯลฯ ส่วนของตายอย่าง เซปักตะกร้อ เก็บทองครบ 4 รุ่น, เทควันโด้ต่อสู้ ก็ได้จาก พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ความหวังของทีม ที่น่าผิดหวังก็มีมากมายโดยเฉพาะ ฟุตบอลทีมชาติไทย ตกรอบคัดเลือกทั้งที่หนก่อนจบอันดับ 4 ถึงไม่มีเหรียญแต่ยังได้เสียงชื่นชม
มาที่มวยสากลสมัครเล่น นับเป็นกีฬาความหวังที่เสกเหรียญทองให้ชาติมาตลอด แต่นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาไม่มีเหรียญทองนับตั้งแต่ เอเชียน เกมส์ ปี 1986 ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ แถมเข้าชิงแค่รุ่นเดียวจาก สุดาพร สีสอนดี รุ่น 60กก.หญิง ขณะที่ฝั่ง วอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ฝ่าด่านถึงรอบชิงชนะเลิศจากความยอดเยี่ยมชนะ ญี่ปุ่น และ เกาหลีใต้ ตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มและรอบรองชนะเลิศ ก่อนไปแพ้ จีน นัดชิงดำขาดลอย 3 เซตรวด ได้เพียงเหรียญเงิน แต่นี่คือผลงานดีที่สุดของพวกเขานับตั้งแต่ส่งทีมแข่งขัน
สำหรับเรื่องนี้ ธนา ไชยประสิทธิ์ หัวหน้าคณะนักกีฬาชุด เอเชียน เกมส์ ซึ่งเฝ้าสังเกตการณ์ทุกคนมาตั้งแต่วันแรก เปิดเผยว่า “ถือว่าต่ำกว่าเป้าหมายพอสมควร รอบนี้สมาคมกีฬาใหญ่ๆที่มีแข่งขันในโอลิมปิกทั้ง มวย, ยกน้ำหนัก, กรีฑา หรือ กอล์ฟ ก็พลาดหมด ซึ่งทั้งนี้มีหลายปัจจัยที่เกิดขึ้นเช่นนักกีฬาของเรามีอาการบาดเจ็บจากการไปแข่งรายการอื่นมาก่อน พอกลับมาก็ต้องเตรียมตัวในรายการ เอเชียน เกมส์ โดยทันที ขณะเดียวกันประเทศอื่นเขาก็พัฒนาตัวเองขึ้นมาเยอะ มีอันดับเหรียญดีกว่าเรา กลับไปงวดนี้ก็ต้องคุยกันและดูว่าเราพลาดตรงไหน”
ด้านฝั่งของ อินโดนีเซีย เจ้าภาพ แม้จะมีการบริหารจัดการดีขึ้นกว่า ซีเกมส์ ปี 2011 แต่ในสายตาของ “บิ๊กต้อม” ก็ยังมองว่าสอบไม่ผ่านเพราะพวกเขาถูกตำหนิจากต่างชาติทุกวัน รวมถึงคณะกรรมการโอลิมปิกสากลแห่งเอเชีย (OCA) ก็ไม่พึงพอใจ ส่วนข่าวที่ว่า “อิเหนา” จะเสนอตัวเป็นเจ้าภาพ โอลิมปิก เกมส์ ปี 2032 จากการประกาศกร้าวของ โจโก วิโดโด้ ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ผู้ใหญ่แห่งบ้านอัมพวันก็มองว่าเป็นเรื่องยากพอสมควรสำหรับการเสนอตัวสู้กับชาติอื่นๆเช่น เยอรมนี กับ ออสเตรเลีย เล็งไว้อยู่
“ผมมองว่าเป็นไปได้ยากเพราะพวกเขาถูกตำหนิบ่อยครั้ง ทั้งเรื่องการขนส่ง การจราจร ที่หลายชาติเห็นพ้องกันว่าล้มเหลว การเปลี่ยนกติกา, สถานที่ และเวลาการแข่งขันแบบไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า ยิ่งกว่านั้นคือการแข่งขันกีฬาที่ใช้การตัดสินด้วยสายตา ก็มีปัญหาด้วยเช่นกัน ถ้าพวกเขาอยากเป็นเจ้าภาพจริงๆต้องลงทุนกันอีกเยอะมาก ส่วนอีก 4 ปีข้างหน้าที่หังโจว ไม่น่ามีปัญหาอะไรเพราะจีนเขาผ่านการเป็นเจ้าภาพกีฬาสำคัญมามากมาย มีประสบการณ์ และพร้อมลงทุนในส่วนต่างๆเต็มที่” หัวหน้าคณะนักกีฬาไทย ระบุ
สำหรับ เอเชียน เกมส์ ของทีมนักกีฬาไทยครั้งนี้ถือว่าจบลงแบบน่าผิดหวัง แต่พวกเขาไม่มีเวลาเสียใจคร่ำครวญมากนัก เพราะหน้าที่ของทุกสมาคมเวลานี้คือต้องนำความผิดพลาดที่ อินโดนีเซีย มาแก้ไขเร่งด่วนโดยเฉพาะกีฬาความหวัง มวย, ฟุตบอล, ยกน้ำหนัก ที่ผลงานต่ำกว่าเป้า รวมถึงสร้างเลือดใหม่ขึ้นมาทดแทนเหล่าตัวเก๋าที่โรยราและอำลาทีมชาติไปแล้ว เพื่อทวงความสำเร็จที่ควรได้กลับคืนในกีฬา ซีเกมส์ 2019 ที่ฟิลิปปินส์ และมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติ โอลิมปิก เกมส์ 2020 ที่ญี่ปุ่น ซึ่งใกล้งวดเข้ามาทุกที
