เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสร "ปราสาทสายฟ้า" บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กสโมสรเห็นด้วยกับการเพิ่มโควต้าอาเซียนของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ โดยชี้ว่าเป็นประโยชน์ และเป็นจุดเปลี่ยนของวงการฟุตบอลบ้านเรา ถ้านักเตะไทยเจ๋งจริง จะต้องกลัวอะไรกับนักเตะจากอาเซียนชาติอื่นๆ
ภายหลังจากสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เตรียมประกาศเพิ่มโควต้านักเตะอาเซียนให้ลงสนามได้ 3 คน นอกเหนือจากโควต้านักเตะต่างชาติเดิม พร้อมบังคับใช้ในฤดูกาล 2019 ซึ่งจะทำให้แต่ละทีมส่งผู้เล่นต่างชาติ (รวมอาเซียน)ได้เต็มที่ในสนามคือทั้งหมด 7 คน
อย่างไรก็ตามเกิดเสียงวิพากย์วิจารณ์อย่างมากมาย ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยจากแฟนฟุตบอลในโลกโซเชียล แต่ดูเหมือนว่าบรรดาเจ้าของทีมหรือผู้บริหารหลายๆสโมสร รู้สึกจะเห็นด้วยกับโควต้าดังกล่าว ก่อนหน้านี้ "บิ๊กแมน" ธัญญะ วงศ์นาค ผู้จัดการทีมฝ่ายการตลาด โปลิศ เทโร เอฟซี ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวสนับสนุนโควต้าดังกล่าวของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ
เช่นเดียวกับ เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสร "ปราสาทสายฟ้า" บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ออกโรงสนับสนุนกฎดังกล่าวของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย โดยมีการโพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เป็นนัยว่า หากนักฟุตบอลไทยดีจริง และเจ๋งจริง จะกลัวอะไรกับการเข้ามาของโควต้าอาเซียน ซึ่งกฎนี้จะเป็นเรื่องดีที่ทำให้นักฟุตบอลไทยมุ่งมั่นฝึกซ้อมเพื่อแย่งตำแหน่งภายในทีมมากขึ้นกว่าเดิม
ข้อความจากเฟซบุ๊ก Buriram United
"การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กำลังจะเกิดขึ้นกับวงการฟุตบอลไทย หลังจากที่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย กับ บริษัทไทยลีก จำกัด เห็นชอบในหลักการให้นักฟุตบอลอาเซียนลงสนามได้ 3 คน โดยใช้โควตานักฟุตบอลไทย
นั่นเท่ากับว่า ใน 1 เกมการแข่งขัน ใน 1 ทีม จะมีสิทธิ์ใช้นักฟุตบอล 11 คนในสนามได้เต็มที่ดังนี้
3 นักฟุตบอลต่างชาติ ที่อยู่นอกเอเชีย
1 นักฟุตบอลเอเชีย
3 นักฟุตบอลอาเซียน
4 นักฟุตบอลไทย
เสียงสะท้อนดังขึ้นทันทีเมื่อมีข้อเสนอนี้ เสียงคัดค้านโดยสรุปเห็นว่าถ้าทีมในไทยลีกจัดเต็มโควตาตามนี้จริงๆ จะมีนักฟุตบอลไทยได้ลงสนามเพียงแค่ 4 คน ซึ่งจะเป็นการตัดโอกาสของนักฟุตบอลไทยที่จะได้ลงสนาม และจะเป็นการตัดโอกาสการพัฒนานักฟุตบอลไทย
ในขณะที่เสียงสนับสนุนเห็นว่า นี่เป็นโอกาสที่ไทยลีกซึ่งเป็นลีกอันดับหนึ่งของอาเซียนจะเปิดตลาดสู่อาเซียน ที่มีประชากรมากกว่า 600 ล้านคน ไม่จำกัดอยู่ในประเทศไทยที่มีประชากรเพียง 70 ล้านคน และจะเป็นโอกาสที่นักฟุตบอลจะได้พัฒนาตัวเองขึ้นเป็นมืออาชีพกันจริงๆ เสียที เพราะจะต้องแข่งขันแย่งชิงตำแหน่งในสนามกับนักเตะทั่วอาเซียน ไม่ใช่เล่นแบบไหนก็ได้ ซ้อม หรือไม่ซ้อม ตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจ ก็จะสามารถยึดตำแหน่ง 11 ตัวจริง แบบผูกขาดตลอดกาล
9 ปี ในไทยลีก ผมเห็นว่าฟุตบอลอาชีพต้องเป็นตลาดเสรี ไม่ใช่ตลาดผูกขาด ยิ่งมีการแข่งขันมาก ยิ่งทำให้เกิดการพัฒนามาก คนที่ไม่ใช่มืออาชีพ คนที่ไม่มีความมุ่งมั่น คนที่ไม่มีความตั้งใจ คนที่อ่อนแอ ก็จะต้องถูกแทนที่ด้วยคนที่มีความเป็นมืออาชีพมากกว่า และคนที่เข้มแข็งกว่า
แต่อย่าไปหวั่นไหวอะไรเลย ถ้าเรามั่นใจว่าทีมชาติไทย เป็นที่หนึ่งในอาเซียน ถ้าเรามั่นใจว่าฟุตบอลไทย เป็นเบอร์หนึ่งของอาเซียน ถ้าเรามั่นใจว่าไทยลีก เป็นลีกที่ดีที่สุด เข้มแข็งที่สุดในอาเซียน และกำลังจะก้าวไปสู่ลีกชั้นนำของเอเชีย ที่นักฟุตบอลจากทั่วโลก และทั่วเอเชียให้ความสนใจเข้าร่วมด้วย
สิ่งเดียวที่น่ากังวลใจ ก็คือ นักฟุตบอลไทยจะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ได้ดีแค่ไหน
นักฟุตบอลไทย ที่เรียกตัวเองว่าเป็นนักฟุตบอลอาชีพ อยู่ในตลาดที่มีการแข่งขันในประเทศมายาวนาน มาตรฐานก็เป็นแบบไทยๆ แต่ราคาค่าเหนื่อยไปไกลระดับสากล ต้องรีบปรับตัว
การที่บริษัท ไทยลีก จำกัด ออกกฎใหม่ เพื่อสร้างไทยลีกให้เป็นผู้นำในลีกอาเซียนอย่างแท้จริง การแข่งขันทุกๆ มิติ ทั้งความเป็นมืออาชีพ มาตรฐาน คุณภาพ และราคาค่าเหนื่อยจะไม่จำกัดอยู่แค่นักฟุตบอลไทยด้วยกันเอง แต่จะเป็นตลาดใหญ่ทั่วอาเซียน
ใครไม่รีบปรับตัว ก็ต้องระวังจะถูกทดแทนด้วยของที่ดีกว่า ราคาถูกกว่า
นี่คือจุดเปลี่ยนฟุตบอลไทยที่น่าสนใจ แต่ผมเชื่อว่าการแข่งขันจะนำการพัฒนามาสู่วงการฟุตบอลไทย และทีมชาติไทย ถ้าเป็นที่หนึ่งในอาเซียนไม่ได้ จะก้าวไปสู่ทีมชั้นนำของเอเชียได้อย่างไร
กลับมาดูเส้นทางในไทยลีกของพวกเรา แม้จะนำห่าง 7 แต้ม แต่ยังวางใจอะไรไม่ได้ เราต้องแข่งกับตัวเอง และมุ่งมั่นเก็บ 3 แต้มทุกนัด เพื่อการก้าวสู่เป้าหมายตามแผนที่วางไว้อย่างสมบูรณ์ คือเป็นแชมป์ในบ้านก่อนจบฤดูกาล
ฟุตบอลถ้วยอีก 2 รายการ เรายังอยู่ในเส้นทางที่จะไปสู่เป้าหมายได้ แม้จะเหนื่อย และหนักพอสมควร เพราะแมตช์ถี่ยิบ แต่ก็ต้องทำให้ดีที่สุด เพื่อความสุขของแฟนบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
แมตช์เยอะ เตะถี่แบบนี้ ไม่มีอะไรดีสำหรับนักฟุตบอล มากกว่ากำลังใจ และเสียงเชียร์จากแฟนๆ
14 กรกฎาคมนี้ พบกับอุบล ยูเอ็มที ยูไนเต็ด ขอเชิญผู้เล่นคนที่ 12 มาช่วยกันเก็บ 3 แต้มในบ้านนะครับ"
สู้ไปด้วยกัน
เนวิน ชิดชอบ