เอเยนซี - ศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบ 16 ทีมสุดท้าย 2 คู่วันที่ 2 กรกฎาคม ความน่าสนใจคือ บราซิล แชมป์โลก 5 สมัยนำโดย เนย์มาร์ และผองเพื่อนน่าจะฉีก เม็กซิโก ที่แนวรับมีปัญหา ส่วนอีกคู่ ญี่ปุ่น แม้ว่าจะสู้แบบถวายหัว แต่น่าจะต้านทาน เบลเยี่ยม ที่อาวุธครบมือไม่อยู่
บราซิล VS เม็กซิโก ณ คอสมอส อารีน่า
เต็ง 1 อย่าง บราซิล ออกสตาร์ทเสมอ สวิตเซอร์แลนด์ 1-1 ตามด้วยซัดทดเจ็บชนะ คอสตา ริกา 2-0 แต่ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ จนเกมล่าสุดที่อัด เซอร์เบีย 2-0 เกมนี้้ต้องเจอกับ เม็กซิโก ที่เข้ารอบมาได้แม้นัดสุดท้ายจะแพ้ สวีเดน 0-3 ซึ่งก็ต้องขอบคุณ เกาหลีใต้ ที่ชนะ เยอรมนี 2-0 ย้อนไปเมื่อ 4 ปีก่อนทั้งคู่ก็เจอกันรอบแบ่งกลุ่ม โดยเสมอกัน 0-0
สภาพทีมของ บราซิล ที่ผ่านมามีนักเตะบาดเจ็บ แต่เกมนี้ โรดริโก้ ลาสมาร์ ทีมแพทย์อนุญาตให้ ดานิโล่ แบ๊กขวาที่เจ็บกล้ามเนื้อพร้อมลงสนาม แต่รายของ มาร์เซโล่ แบ็กซ้ายที่เจ็บในเกมกับ เซอร์เบีย น่าจะไม่พร้อม โดยเป็น ฟิลิเป้ หลุยส์ ที่พร้อมทดแทน ส่วน ดั๊กลาส คอสต้า ตัวริมเส้นที่เจ็บไปก่อนหน้านั้นก็น่าจะไม่ฟิตในเกมนี้เช่นกัน
มาดูทางฝั่งของ เม็กซิโก ที่ผ่านมาผลงานไว้ใจได้แค่รอบแบ่งกลุ่มเท่านั้น ส่วนรอบน็อคเอาท์ไปได้ไกลที่สุดคือรอบ 8 ทีมเมื่อปี 1970 กับ 1986 ขณะที่ 6 ครั้งหลังสุดในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายไม่รวมหนนี้จอดป้ายแค่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ดังนั้นเป็นโจทย์ที่ ฮวน คาร์ลอส โอโซริโอ ต้องฝ่าไปให้ได้
แน่นอนเกมนี้ เม็กซิโก เป็นรองแบบสุดกู่ แต่ต้องเล่นให้ได้แบบนัดชนะ เยอรมนี 1-0 แต่จะไม่มี เฮคตอร์ โมเรโน่ กองหลังที่ติดโทษแบน รวมถึงต้องระวัง เฮคตอร์ เอร์เรร่า, มิเกล ลายุน และ เฮซุส กัลยาร์โด้ หากโดนใบเหลืองเพิ่มจะติดแบนรอบ 8 ทีมถ้าเข้ารอบ ส่วน บราซิล ติดเหลือง 3 คนคือ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่, คาเซมิโร่ และ เนย์มาร์
เม็กซิโก เกมรับมีปัญหาแบบเหลือเชื่อในเกมที่โดน สวีเดน ถล่มถึง 0-3 หากยังไม่แก้ไขแมตช์นี้เจอกับ เนย์มาร์ และผองเพื่อนที่มี กาเบรียล เชซุส กับ โรเบอร์โต้ เฟอร์มิโน่ ไม่น่าจะเอาอยู่ แต่ก็ต้องลุ้นเกมโต้กลับอันน่ากลัวของ "จังโก้" ที่มี เออร์วิง โลซาโน่ รวมถึง 2 กองหน้าอย่าง คาร์ลอส เวล่า กับ ฮาเวียร์ เฮร์นานเดซ
เบลเยี่ยม VS ญี่ปุ่น ณ รอสตอฟ อารีน่า
เจ้าของฉายา "ปีศาจแดงแห่งยุโรป" คือ 1 ใน 3 ชาติของรอบแบ่งกลุ่มที่คว้าชัย 3 นัดรวดร่วมกับ อุรุกวัย และ โครเอเชีย ปัจจุบัน เบลเยี่ยม อยู่ในยุค "Golden Generation" ที่อัดแน่นไปด้วยนักเตะฝีเท้าเยี่ยมที่ถูกยกเป็นหนึ่งในตัวเต็งแทบทุกทัวร์นาเมนต์ โดยเมื่อ 4 ปีที่แล้วจอดป้ายรอบ 8 ทีมสุดท้าย แต่ปีนี้ทุกคนกระดูกกล้าแข็งขึ้น
ลูกทีมของ โรเบอร์โต้ มาร์ติเนซ ผลงานยอดเยี่ยมไม่แพ้ 22 นัดติดต่อกัน รวมแมตช์ลับแข้งที่มีชัยเหนือ ญี่ปุ่น 1-0 เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2017 จากการยิงของ โรเมลู ลูกากู นัดล่าสุดรอบแบ่งกลุ่มพักแข้งแบบยกแผงเกมที่เอาชนะ อังกฤษ 1-0 เนื่องจากเข้ารอบแน่นอนแล้วก่อนจบด้วยตำแหน่งแชมป์กลุ่ม
แมตช์นี้ ลูกากู น่าจะกลับมาลงสนาม หลังกดไปแล้ว 4 ประตูในฟุตบอลโลกหนนี้ รวมถึง เอเดน อาซาร์ เพลย์เมกเกอร์ เรียกได้ว่าไม่มีปัญหาในการจัดทัพพร้อมเต็มสูบภายใต้ระบบถนัดที่รุกเต็มสูบคือ 3-4-3 ทำให้รอบแบ่งกลุ่มยิงไปเยอะที่สุดเหนือทุกทีมคือ 9 ประตู รวมถึงยิงเข้ากรอบมากที่สุดเหนือใครตลอด 3 นัดที่ผ่านมาคือ 22 ครั้ง
แต่แมตช์นี้สิ่งที่ เบลเยี่ยม ต้องความระมัดระวังก็คือมีแข้งติดโทษใบเหลือง 5 คน ที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือ เควิน เดอ บรอยน์ ตั้งปั้นเกมกับ แยน แฟร์ตองเก้น กองหลัง เนื่องจากถ้าโดนอีกใบแล้วทีมเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายจะโดนแบนในการเจอกับ บราซิล หรือ เม็กซิโก ที่จะถือเป็นงานที่สาหัสขึ้นไปอีก
ข้ามมาดู ญี่ปุ่น เข้ารอบมาในฐานะอันดับ 2 ของกลุ่มแบบที่ต้องบันทึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์ เพราะกฎแฟร์เพลย์ที่ดีกว่า เซเนกัล หลังจากทั้งคู่มีเท่ากัน 4 แต้ม โดยนัดสุดท้ายขุนพล "ซามูไร" เล่นกันแบบประคองตัวก่อนแพ้ โปแลนด์ ตามเป้าด้วยสกอร์ 0-1 แม้จะมีคนวิจารณ์บ้าง แต่ก็ไม่ได้ผิดอะไร เนื่องจากเข้ารอบตามกฎทุกอย่าง
ที่ผ่านมา ญี่ปุ่น เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายมาแล้ว 2 หน ซึ่งปีนี้ลุ้นไปให้ได้ไกลที่สุดเป็นครั้งแรก โดยกุนซือ อากิระ นิชิโนะ มีแผนและระบบแน่นอนเกมนี้จะกลับมาใช้ชุดเดียวกับที่ชนะ โคลอมเบีย 2-1 กับเสมอ เซเนกัล 2-2 ทว่ามีนักเตะติดใบเหลืองถึง 4 คน ซึ่งก็มีแกนหลักอย่าง มาโกโตะ ฮาซาเบะ ตัวรับกัปตันทีมรวมอยู่ด้วย