EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน ราชวังสัน
หลังจาก รัสเซีย 2018 ได้แข่งนัดแรกกันอย่างครบถ้วนทุกทีม เราคงได้เห็นโฉมหน้าแต่ละทีมกันแล้ว ซึ่งน่าประหลาดใจที่ทีมยักษ์ที่ได้ชื่อว่าเป็น ทีมเต็ง ต่างก็พร้อมใจกันโชว์ฟอร์มฝืด ไม่ได้เคี้ยวคู่แข่งอย่างง่ายดาย แถมบางทีมเอาจนฟันหักพ่ายแพ้กลับมาเสียอีก
กลุ่ม A รัสเซีย เจ้าภาพชนะขาดแม้ไม่ได้มีพิษสง ทักษะ ฟอร์มการเล่นที่ลึกล้ำอะไรมากมาย แต่ ซาอูดี คู่ต่อกรต่างหากที่อ่อนจริง ขนาดเจ้าชายของเขายังออกมาบ่นเสียดายเงินที่ทุ่มสร้างทีมมา 3 ปี ในขณะที่ อูรูกวัย เฉือน อีจิพท์ ได้ด้วยประตูเดียวที่ต้องรอถึงท้ายเกม
กลุ่ม B สเปน กับ ปอรตูเกา สองทีมยักษ์ใหญ่จาก ยุโรป โชว์ฝีเท้าอย่างน่ากลัวทีเดียว แต่ยังไม่มีใครกินใครได้ และกลับกลายเป็น อีหร่าน ทีมที่น่าจะเป็นบ๊วยของกลุ่มโชคดีได้ประตูแถมจาก โมร๊อคโค ขึ้นนำจ่าฝูง นี่คงเผลอฝันไปไกลแล้ว เดี๋ยวเจอของจริงในนัดที่ 2 สติคงกลับมา
กลุ่ม C ฝรั่งเศส กับ เด็นมาร์ค แม้เก็บชัยชนะนัดแรกได้ตามคาดก็จริง แต่ ฝรั่งเศส ฟอร์มฝืดมาก ใช้โอกาสเปลืองเหลือเกิน สปีดบอลหนืดๆชักช้า ประตูชัยที่ได้มาก็โชคช่วย ส่วน เปรู มีโอกาสมากมาย รวมทั้ง ลูกโทษที่จุดโทษ แต่ทำไม่ได้ สุดท้าย โดน เด็นมาร์ค เฉือนหวิว
กลุ่ม D อารเกนตีน่า ปีนี้หลายคนบอกว่าน่าจะมีโอกาสคว้าแช้มพ์โลกกับ ลีโอเน็ล เม้สซี่ เสียที แต่ภายในทีมดันไม่ค่อยสามัคคีกัน เกมบุกน่าผิดหวังอย่างมาก หมดมุก เจาะไม่ผ่าน ทำได้แค่เสมอทีมนักเตะร่างยักษ์ ไอ๊ส์แลนด์ ที่ทั้งคล่องและทักษะดี จ่าฝูงกลับกลายเป็น โครเอเชีย ที่เอาชนะ ไนจีเรีย ไม่ยาก
กลุ่ม E บราซิว ทีมเต็งแช้มพ์ปีนี้อาจดูหวือหวา แต่เมื่อ เนย์มาร์ โดนประกบตายก็แผลงฤทธิ์ไม่ออก ทำได้แค่เสมอ สวิส ปล่อยให้ เซรเบีย ขึ้นนำจ่าฝูงด้วยชัยชนะเหนือ ก๊อสตา รีก้า
กลุ่ม F สวีเดน ชนะ เกาหลีใต้ ตามคาด แต่แค่เฉือนและสกอร์ที่ได้ก็ต้องใช้ VAR ฉายภาพสโลว์โมตัดสินให้ได้ลูกโทษที่จุดโทษ และที่ช๊อคโลกก็คือ เจอรมานี แช้มพ์เก่าที่อาจเป็นทีมแรกที่สามารถรักษาแช้มพ์ได้สำเร็จ หลังจากที่ บราซิว เคยทำได้ในปี 1962 แต่ทัพเจอรมานีเจาะไม่ผ่านแผงหลัง เมฮีโก แถมโดนสวนกลับอย่างเจ็บแสบ เพราะ จังโก้ เตรียมแผนมาดี มันช๊าฟท์ ทะลึ่งแพ้จนมารั้งบ๊วยในกลุ่มร่วมกับ เกาหลีใต้ ทำให้ผมต้องมองว่า เจอรมานี อาจเจอสถานการณ์ที่เลวร้ายกว่านั้น ถึงกับตกรอบแรกอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นนับตั้งแต่หนสุดท้ายเมื่อปี 1938
กลุ่ม G เบลเจี้ยม กับ อังกฤษ เก็บชัยชนะได้ในนัดแรกก็จริง แต่ เบลเจี้ยม เจอ ปานามา ทีมน้องใหม่ที่เป็น เต็งบ๊วย ในบอลโลกหนนี้ ในขณะที่ อังกฤษ แม้ยังดูดี มีวูบวาบ แต่กว่าจะได้ประตูชัยเหนือ ตูนีเซีย ได้ก็ต้องรอช่วงทดเวลา
กลุ่ม H ตอนเขียนคอลัมน์นี้ ยังไม่ได้แข่งครับ แต่ไม่ว่า 2 ทีมใดได้เข้ารอบ ผมว่า โปแลนด์ น่าจะมีโอกาสไปไกลในรอบลึกๆที่สุด แต่หากเป็นทีมอื่นๆคงหยุดแค่รอบ 16 ทีม
ฟุตบอลโลกหนนี้ เราได้เห็นทีมใหญ่ๆที่เหนือกว่าด้วยชื่อชั้นต่างก็สะดุด โชว์ฟอร์มฝืดกันเกือบทั้งหมด ยิ่งทีมเต็งลำดับต้นๆอย่าง เจอรมานี ถึงกับพลาดท่าแพ้ พลิกความคาดหมาย นั่นแสดงให้เห็นว่า ทีมเล็กๆต่างก็เตรียมตัวมาเพื่อต่อกรและสามารถสร้างปัญหาให้ทีมใหญ่ได้มากทีเดียว ถ้าทีมที่ได้เข้ารอบสุดท้ายมีความตั้งใจวางแผนสู้ มันก็คงไม่มีนัดไหนที่เราสามารถชี้ชัดสกอร์ขาดอย่างแน่นอนอีกแล้ว
อย่างไรก็ตาม การแข่งขันนัดเดียวคงยังชี้บอกอะไรไม่ได้มาก โอกาสที่ทีมยักษ์เกิดอาการเกร็งในนัดแรกก็มีสูง ทำให้เกิดการพลิกล็อคขึ้นได้ สิ่งหนึ่งที่จะช่วยให้ฟุตบอลเป็นไปตามที่มันควรจะเป็นก็คือ ระบบการแข่งขัน แบบรอบแบ่งกลุ่ม (Round-robin) ที่จะสกัดกั้นทีมฟลุ๊คไม่ให้ไปไกล เพราะไม่ใช่ฟุตบอลที่ตัดสินด้วยนัดเดียว มันเป็นการเปิดโอกาสให้ทีมของจริงได้แก้ตัวในสิ่งที่พลาดไปหรือโชคร้ายในนัดก่อนได้กลับมาโชว์ฟอร์มที่แท้จริงของตนเอง แล้วเราจะได้ 16 ทีมของจริงที่ผ่านการคัดกรองถึง 3 นัดเข้าสู่รอบต่อไป จากนั้นจะใช้ ระบบน้อค-เอ๊าท์ (Knock-out) ก็ไม่ห่วงแล้ว
ฟุตบอลโลกหนนี้ เขานำกฎใหม่ เรื่องการเปลี่ยนตัวผู้เล่น มาใช้เป็นครั้งแรกนะครับ โดยจะอนุญาตให้มีการเปลี่ยนตัวผู้เล่นสำรองคนที่ 4 ได้ ทั้งนี้ จะเริ่มใช้ตั้งแต่รอบ 16 ทีมเป็นต้นไป และให้เปลี่ยนได้เฉพาะในช่วงต่อเวลาพิเศษหลังจากเสมอกันในเวลาปกติครับ ดังนั้น เมื่อเข้ารอบน้อค-เอ๊าท์ โค้ชก็ต้องวางแผนให้ดี เพราะจะมีผลในการดวลจุดโทษด้วย