ควอเตอร์แบ็กเงินเฟ้อ / MVP

คอลัมน์ Buzzer Beat โดย MVP

สำรวจกีฬาอาชีพยุคปัจจุบัน ทีมไหนๆ หากนึกอยากประสบความสำเร็จ ภายในระยะเวลาอันสั้น น่าจะมีอยู่หนทางเดียว คือ รอบรรดาเศรษฐีน้ำมัน หรือนักธุรกิจกระเป๋าหนัก เข้ามาเทกโอเวอร์ เนรมิตรสโมสรธรรมดาๆ อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี หรือ เชลซี ก้าวสู่ยักษ์ใหญ่ของเกาะอังกฤษ ด้วยพลานุภาพของเงินตรา แน่นอนว่า “Buzzer Beat” สัปดาห์นี้ ยังมีกลิ่นไอของเกมลูกหนังเจือปนอย่างต่อเนื่อง

ย้อนไปสัก 40-50 ปี สมัยบรรพบุรุษเรา ยังชมการถ่ายทอดสดผ่านจอขาว-ดำ ค่าตัวของนักเตะคนหนึ่ง เริ่มต้นจากหลักร้อย ไล่มาเรื่อยๆ จนถึงหลักแสน ก่อนถือกำเนิดแข้ง 1 ล้านปอนด์คนแรก คือ เทรเวอร์ ฟรานซิส สมัยย้ายจาก เบอร์มิงแฮม ซิตี สู่ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ แต่ล่าสุดปี 2017-18 อย่างน้อยๆ บรรดาคอลูกหนังก็เห็นซูเปอร์สตาร์หลัก 100 ล้านปอนด์ เรียบร้อยแล้ว ที่คุ้นๆ กันดีก็มี เนย์มาร์, คีเลียน เอ็มบัปเป และ ฟิลิปเป คูตินโญ

ใช่ว่า MVP จะหันมาเอาดีด้านกูรู ซ็อคเกอร์ (Soccer) แต่หากติดตามความเคลื่อนไหวของ อเมริกันฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) ก็ไม่ได้น้อยหน้าฟุตบอลยุโรปเช่นกัน เร็วๆ นี้ก็เพิ่งจะมี แม็ตต์ ไรอัน ควอเตอร์แบ็ก แอตแลนตา ฟอลคอนส์ ที่จรดปากกาต่อสัญญา 5 ปี รับค่าเหนื่อย 30 ล้านเหรียญต่อปี และเงินการันตี 100 ล้านเหรียญ คนแรกของ ลีกคนชนคน เมื่อวันพฤหัสบดี (3 พ.ค.) ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น

กีฬาของอเมริกันชน อาจมีการบริหารจัดการที่ซับซ้อนกว่าเล็กน้อย เนื่องจากถูกกำหนด “ซาลารี แค็ป” หรือเพดานเงินเดือน แตกต่างใช้กฏ “ไฟแนนเชียล แฟร์ เพลย์ (FFP)” ของยุโรป ซึ่งห้าม สโมสร ใช้จ่ายเงินเกินรายรับ หรือบัญชีติดตัวแดง แต่ไม่ได้ควบคุมการซื้อ-ขายผู้เล่น ผิดกับ อเมริกัน เกมส์ พอแฟรนไชส์หนึ่ง เซ็นนักกีฬาค่าตัวแพงๆ ก็ต้องโละคนที่เล่นเปลืองข้าวสุก หรือต่อรองตัวหลักคนอื่นๆ หั่นรายได้ลง เพื่อหนีภาระภาษีฟุ่มเฟือย

วกกลับมาที่ NFL ข้อตกลงแห่งประวัติศาสตร์ของ ไรอัน ก็เริ่มมีกลิ่นมาตั้งแต่แรก ช่วงออฟซีซัน 2018 ควอเตอร์แบ็กโนเนมอย่าง จิมมี การ็อปโปโล อดีตตัวสำรอง นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ ยังฟันค่าจ้าง 27.5 ล้านเหรียญต่อปี หรือพวกเกรด B อาทิ เคิร์ก เคาซินส์ (28 ล้านเหรียญต่อปี), แม็ตธิว สแตฟฟอร์ด (27 ล้านเหรียญต่อปี) หรือ ดีเร็ก คาร์ (25 ล้านเหรียญต่อปี) ก็ยังติดทำเนียบจอมทัพค่าแรงเฉลี่ยแพงสุด

อาจมีบางคนตั้งคำถามว่าจ้าง ไรอัน แพงขนาดนี้คุ้มหรือไม่ ลองนึกดูแล้วกันว่า จอมทัพที่สลัดคราบ “ขี้แพ้” ช่วงเพลย์ออฟ แถมมีรางวัลผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) รับประกันคุณภาพ และพา ฟอลคอนส์ ทะลุถึง “ซูเปอร์โบว์ล” ขาดก็แค่แหวนแชมป์ มันก็เหมาะสมอยู่แล้วที่จะกอบโกยมากกว่าทั้ง 4 รายชื่อดังกล่าว ซึ่งยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักเท่าไร นอกเสียจากคำว่า เบอร์ 1 ของแฟรนไชส์

อย่างไรก็ตาม สถิติของ ไรอัน อาจถูกทำลายลงทั้งๆ น้ำหมึกยังไม่ทันแห้ง เนื่องจากฝั่ง กรีนเบย์ แพ็คเกอร์ส เผยความเคลื่อนไหวแล้วว่า แอรอน ร็อดเจอร์ส ซึ่งอยู่เหนือไปอีกขั้น คือ รางวัล MVP 2 สมัย กับ แชมป์ซูเปอร์โบว์ล 1 สมัย กำลังจะต่อสัญญาเช่นกัน หากลองตีราคาล่วงหน้า ก็มีโอกาสทะลุหลัก 30 ล้านเหรียญต่อปี สูงกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ และการันตีค่าจ้างระดับใกล้เคียงกัน