xs
xsm
sm
md
lg

รับเหรียญช้า 9 ปี สูญเสียอะไรบ้าง / แมวดำ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คอลัมน์ “สกอร์บอร์ด” โดย “แมวดำ”

แหม...ไอ้คอลัมน์นี้วันนี้มาแปลกครับ มาถึงก็ขึ้นต้นมาให้งงกับชื่อเรื่อง ซึ่งย่อมมีเหตุผลของมัน คือผมเกิดความรู้สึกว่า ทำไมวงการกีฬาของประเทศเราช่างไม่ค่อยให้ความยุติธรรมกับนักกีฬาเสียเท่าไหร่นัก ทำไมนะหรือ ก็อยากยกตัวอย่าง "เอ" เพ็ญศิริ เหล่าศิริกุล นักกีฬายกน้ำหนัก ที่คว้าอันดับ 5 จากโอลิมปิกเกมส์ 2008 รุ่น 48 กิโลกรัมหญิง ที่ตอนนี้ผ่านมา 9 ปี เจ้าของส่วนสูง 144 เซนติเมตร เพิ่งได้รับการเลื่อนมารับเหรียญทองแดงจากมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติครั้งนั้น เพราะเจ้าของเหรียญทองอย่าง เฉิน เซีย เซีย จากจีน กับ ซิเบล ออซคาน เหรียญเงินจากตุรกี ถูกตรวจพบสารกระตุ้น

ซึ่งการเลื่อนมารับเหรียญทองแดงโอลิมปิกของ "เอ" ในวัย 34 ปี นั้น ส่งผลให้นอกจากจะถูกจารึกเป็นหนึ่งในผู้คว้าเหรียญรางวัลแห่งเกียรติยศแล้ว จะยังได้รับเงินรางวัล 4 ล้านบาท จากกองทุนพัฒนากีฬาชาติ และจะได้รับมอบเงินเดือนเดือนละ 8 พันบาท เป็นเวลา 20 ปี จากคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งระเทศไทยไทย รวมแล้วเกือบ 6 ล้านบาท แน่นอนว่ามันเยอะมากสำหรับนักกีฬาผู้พากเพียรฝึกซ้อม แม้จะได้ล่าช้าไป 9 ปี 10 ปี ก็ตาม เพียงแต่สิ่งอดีตจอมพลังสาวรายนี้ควรจะได้ หากว่ารับเหรียญรางวัลพร้อมกับนักกีฬาฮีโร่โอลิมปิกรุ่นเดียวกันอย่าง สมจิตร จงจอหอ หรือ ประภาวดี เจริญรัตนธารากูล นั้นยังมีที่พลาดไปอีกมาก

โดยนักกีฬาที่คว้าเหรียญรางวัลจาก "ปักกิ่งเกมส์" ครั้งนั้น นอกจากเงินอัดฉีดจากกองทุนพัฒนากีฬาฯ และคณะกรรมการโอลิมปิกแล้ว ยังจะได้จากผู้สนับสนุนยุคนั้น อาทิ เอไอเอส กับ โอสถสภา ที่ประกาศมอบอัดฉีดกับนักกีฬาหากว่าได้เหรียญทองแดงเจ้าละ 3 แสนบาท รวมเป็น 6 แสนบาท นอกจากนี้ยังมี "โตโยต้า" ที่ประกาศมอบรถยนต์กระบะ ไฮลักซ์ วีโก้ ให้กับนักกีฬาทุกคนที่คว้าเหรียญรางวัล นี่เป็นสิ่งที่ เพ็ญศิริ ไม่ได้รับ

อีกสิ่งหนึ่งที่น่าเสียดายมากที่ยอดหญิงยกเหล็กรายนี้ชวดไปคือ สิทธิ์การเข้ารับราชการ เนื่องจากปัจจุบัน "เอ" ยังเป็นเพียงผู้ฝึกสอนโรงเรียนกีฬาเทศบาลทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช และเป็นเพียงครูอัตราจ้างเท่านั้น ซึ่งแตกต่างกับเพื่อนร่วมรุ่นอย่าง "เก๋" ประภาวดี ที่วันนี้รับราชการทหารไปถึงตำแหน่ง พันตรีหญิง ไปแล้ว เรื่องนี้ ตัว ประภาวดี เองก็เคยนำเข้าไปหารือในที่ประชุมคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ว่า นักกีฬาอย่าง เอ ควรได้รับการช่วยเหลือ พูดง่ายๆ หากว่ารับราชการตั้งแต่ตอนนั้น ถึงวันนี้ควรได้เป็นร้อยตรีเป็นอย่างน้อย ซึ่งแม้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานคณะกรรมการโอลิมปิก ที่มีตำแหน่งเป็นถึงรองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะรับปากว่า ให้เจ้าตัวเข้ามาคุยกัน หากจะให้บรรจุรับราชการก็พร้อมช่วยเหลือ

ได้ฟังแบบนี้ก็อุ่นใจนิดหนึ่ง ที่มันนิดเดียวก็เพราะ สิทธิ์ต่างๆ ของ อดีตจอมพลังสาวหายไปเยอะอาจเพราะว่าเวลาที่ล่วงเลย ทำให้กระแสมันไม่มี ผู้สนับสนุนจะมาหยิบจับเจ้าตัวไปโปรโมตโหนกระแสอะไรก็คงไม่เปรี้ยงปร้าง แค่แอบน้อยใจแทนบุญวาสนาของ เพ็ญศิริ เท่านั้นเอง ยิ่งคิดก็ยิ่งเชื่อซึ้งกับคำว่า "กระแส" เมื่อมันหมดแล้ว มูลค่าต่างๆ ที่ควรได้ก็มลายหายไปด้วย

นี่ยังแอบนึกถึง "ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น" แชมป์มวยโลก ที่รีบออกมาบอกว่าอยากรับราชการตำรวจ ก็ยังถูกผลักถูกดันไปสวมเครื่องแบบได้ หากว่ารอเสียเข็มขัดแล้วบอกว่าอยากรับราชการคงไม่มีใครเหลียวมองเป็นแน่แท้...


กำลังโหลดความคิดเห็น