EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน ราชวังสัน
เมื่อต้นปี ผมเห็นมีข่าวเปิดเผยว่านักเตะที่รวยที่สุดในโลกนั้น แทนที่จะเป็น คริชติอาโน โรเนาโด (Cristiano Ronaldo) กองหน้า ทีมชาติปอรตูเกา แห่งสโมสร เรอัล มาดริด ดันมีคนนำชื่อ ฟาอิก เจฟรี โบลเกียห์ (Faiq Jefri Bolkiah) หลานชายของ สมเด็จพระราชาธิบดีซุลตาน ฮัสซานัล โบลเกียห์ แห่งราชวงศ์บรูไน ที่สังกัดทีม เล้สเต้อร์ ซิตี้ มาเปิดเผย แต่ความจริงยังมีนักเตะที่รวยกว่านั้นอีก นั่นคือ มาติเออ ฟลามีนี (Mathieu Flamini) มิดฟีลด์ทีมชาติฝรั่งเศส จากทีม เฆตาเฟ ใน สเปน
โรเนาโด ติดอันดับ 1 มา 2 ปีล่าสุด ทั้ง 2016 และ 2017 ในฐานะนักกีฬาที่ได้รับค่าจ้างมากที่สุดในโลกจากการจัดอันดับโดย ฟ้อร์บส (Forbes) นิตยสารรายปักษ์เกี่ยวกับการเงิน อุตสาหกรรม การลงทุน และการตลาดของ สหรัฐอเมริกา ตลอดปี 2017 หมอนี่ได้รับค่าเหนื่อยจากการเล่นฟุตบอล 58 ล้าน ยูเอ้ส ดอลเล่อร์ส และรายได้อื่น เช่น ค่าโฆษณา อีก 35 ล้าน ยูเอ้ส ดอลเล่อร์ส รวมเป็นรายได้ทั้งสิ้น 93 ล้าน ยูเอ้ส ดอลเล่อร์ส หรือประมาณเกือบ 3 พัน ล้าน บาท
ฟาอิก เจฟรี โบลเกียห์ ปีกขวา ทีมชาติบรูไน วัย 19 ปี แห่ง ทีมสำรองของ เล้สเต้อร์ส ซิตี้ เป็นโอรสของเจ้าชาย เจฟรี โบลเกียห์ นั้น สื่อในประเทศอังกฤษเปิดเผยว่า เขามีเงินฝากในบัญชีธนาคาร 2 พัน ล้าน ยูโร อย่างไรก็ตาม ฟาอิก ไม่ได้ร่ำรวยเงินทองที่เกิดจากฝีเท้าในการเล่นฟุตบอล แต่เป็นน้ำมันที่ครอบครัวของเขาเป็นผู้ครอบครองต่างหาก
ส่วนนักเตะที่รวยที่สุดที่ผมกำลังกล่าวถึงนี้ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่รวยมหาศาลจริงๆ แม้ไม่ได้เกิดจากฝีเท้า แต่ก็ต้องนับว่าเป็นฝีมือในการลงทุนของเขาเอง หมอนี่คือ มาติเออ ฟลามีนี นักเตะสัญชาติฝรั่งเศส วัย 34 ปี ที่เคยเล่นให้กับ โอแล็งปิก เดอ มารแซ็ย อาร์เซน่อล เอซี มีลาน คริสต่อล พาเหลส และล่าสุดเล่นให้ เฆตาเฟ ใน สเปน เขาได้ร่วมลงทุนกับ ป๊าสกูอาเล กรานาตา (Pasquale Granata) ด้วยเงินไม่กี่ล้านยูโรเมื่อราว 10 ปีที่แล้วในธุรกิจ บายโอเคมี โดยเปิดเป็นบริษัทชื่อ จีเอ๊ฟ บายโอเคมีค่อลส์ (GF Biochemicals)
มีคนบอกว่าชื่อ จีเอ๊ฟ น่าจะมาจาก Granata-Flamini และในขณะเดียวกันก็หมายถึง Green Future ได้อีกด้วย เขาตั้งใจเปิดบริษัทนี้ขึ้นมาก็เพื่อหาสิ่งที่สามารถนำมาทดแทนผลิตภัณฑ์ที่เป็นผลพลอยได้จากน้ำมัน แล้วก็ดันกลายเป็นบริษัทแรกของโลกที่ค้นพบวิธีการผลิตกรดเลวูลีนิค (Levulinic acid) ที่ได้จากหญ้า ไม้ หรือข้าวโพด และสามารถนำไปใช้แทนพวกพล๊าสติค ตัวทำละลาย น้ำมัน หรือในอุตสาหกรรมยา ซึ่งทางหน่วยงานทางด้านพลังงานของอเมริกาถึงกับยอมรับว่ามันเป็น 1 ใน 12 โมเลกุลที่สำคัญที่ช่วยทางด้านสิ่งแวดล้อมของโลกอย่างมากเลยทีเดียว
มาติเออ บอกว่า เขาไม่เคยเล่าเรื่องการลงทุนบริษัท สต๊าร์ท อั้พ ของเขาให้ใครฟังเลย แม้แต่คนในครอบครัวก็ตาม ซึ่งในปัจจุบัน จีเอ๊ฟ บายโอเคมีค่อลส์ เติบโตอย่างมาก มีสาขาใน สหรัฐอเมริกา และ เนเธ่อร์แลนด์ส โดยสำนักงานใหญ่อยู่ใน อิตาลี มีพนักงานรวมทั้งสิ้น 400 คน นอกจากนั้น ยังมีแผนขยายตลาดไปใน จีน และ บราซิว อีกด้วย โดยมูลค่าของธุรกิจของเขาอยู่ที่ราว 3 หมื่น ล้าน ยูโร หรือประมาณ 1.2 ล้านล้าน บาท
แม้จะมีธุรกิจร่ำรวยขนาดหนัก แต่ มาติเออ ซึ่งเล่นฟุตบอลมาตั้งแต่อายุ 6 ขวบ เคยติดทีมชาติฝรั่งเศสชุดใหญ่มาแล้ว 3 นัด และยังมีความคลั่งไคล้ในฟุตบอล ดังนั้น ในสนามจึงเป็นที่ที่ มาติเออ ต้องการอยู่มากกว่าที่อื่นใด