วาเลนตีโน รอสซี่ แชมป์โลก 9 สมัยชาวอิตาลี เผยชื่นชอบสนามช้าง อินเตอร์ เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ชมมีเสน่ห์ที่ช่วงกลางสนาม ด้าน มาร์ค มาร์เกวซ หยอดหวานชอบโค้ง 1-3
หลังจากบรรดานักขับระดับโลกได้เดินทางมาทดสอบสังเวียนแข่งขันในช่วงปรีซีซั่นรอบ "วินเทอร์เทสต์" ระหว่างวันที่ 16-18 กุมภาพันธ์นี้ ที่สนามช้าง อินเตอร์ เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ก่อนลุยศึกจักรยานทางเรียบชิงแชมป์โลก หรือโมโตจีพี รายการ "พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2018" ระหว่างวันที่ 5-7 ตุลาคมนี้
ล่าสุด เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา "บิ๊กเน" เนวิน ชิดชอบ กล่าวถึงความพร้อมนองสนามช้างอินเตอร์ เนชั่นแนล เซอร์กิต ในการจัดแข่งขันวินเทอร์เทสต์ครั้งนี้ว่า "ในส่วนของสนามทุกอย่างพร้อม 100 เปอร์เซ็นต์ ในวันแรกที่นักแข่งมาทดสอบเราได้เห็นเวลาที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน คือความเร็ว 320-330 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งการดีไซส์สนามในช่วงแรก มีลิมิตอยู่ที่ 315 กิโลเมตร/ชั่วโมง ปรากฏว่านักแข่งทุกคนทำเวลาได้เกินมาตรฐาน ซึ่งถือเป็นไฮไลท์ของการแข่งขันวินเทอร์ เทสต์ ที่นักแข่งสามารถใช้ศักยภาพของตัวเองได้อย่างเต็มที่ ปราศจากการควบคุมของทีมงาน แน่นอนว่าเมื่อถึงการแข่งขันโมโตจีพี เราจะไม่เห็นความเร็วระดับนี้อย่างแน่นอน
ฝากถึงแฟนๆ โมโตจีพีชาวไทย ผมเชื่อว่าการทดสอบวินเทอร์เทสต์ ทั้ง 3 วัน จะมีความเข้มข้ม สูงขึ้น โดยเฉพาะวันที่ 17, 18 เวลาและความเร็วจะดีกว่านี้ จึงอยากเชิญชวนแฟนๆ ทุกท่านให้มาที่นี่ เรามีกิจกรรมต่างๆ รองรับ อาทิ ปารตี้ คอนเสิร์ต ฟรี! มีการประกวดรถคลาสสิค ทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์
ส่วนราคาบัตรอยู่ที่ 500 บาท สำหรับการเข้าชมวินเทอร์เทส ส่วนใครที่ซื้อบัตร โมโตจีพีแล้วก็สามารถเข้าชมได้ฟรี เพียงแค่แสดงบัตร นอกจากนี้ยังสามารถใช้บัตรโมโตจีพี ชมการแข่งขัน เอเชีย โรดเรซซิ่ง ในเดือนมีนาคม และ ธันวาคม รวมทั้ง เวิล์ดซูเปอร์ไบค์ ในเดือนมีนาคมอีกด้วย"
นอกจากนี้ "บิ๊กเน" ยังเปิดเผยว่าได้มีการพูดคุยกับบรรดานักแข่ง และทีมงานถึงสภาพสนาม ซึ่งทุกคนต่างชื่นชมและชื่นชอบสนามแห่งนี้ มีเพียงสภาพอากาศที่ร้อนเกินไปเท่านั้น "เท่าที่ได้พูดคุยทุกคนชื่นชอบ แม้สนามจะมีอากาศร้อน แต่ก็ถือว่าเป็นการทดสอบยาง และการเตรียมน้ำมัน เพื่อรองรับสภาพอากาศที่แตกต่างออกไปจากสนามอื่นนั่นเอง"
ขณะที่ นายตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต เปิดเผยว่า จากการที่ได้คุยกับนักแข่งของสองทีมคือ โมวิสตาร์ ยามาฮ่า โมโตจีพี และ เรปโซล ฮอนด้า ทีม นั้น ทางด้านของ มาร์เกวซ ชื่นชอบสนามในลักษณะแบบนี้ โดยเฉพาะโค้ง 1 กับ 3 ที่ต้องมีการเบรกแรงๆ ก่อนเร่งสปีดขึ้นไป ขณะที่เปโดรซ่า นั้นมองว่าเป็นแทร็กที่มีความท้าทาย มีทั้งการใช้ความเร็วสูง, ปานกลาง และต่ำ ซึ่งต้องเลือกเซตรถให้ดี
นายตนัยศิริ กล่าวต่อว่า ขณะที่รอสซี่ ซึ่งเคยบอกว่าสนามของช้างนั้นไม่ค่อยมีอะไรท้าทาย แต่ตอนนี้ก็บอกในอีกแบบหนึ่ง โดยมองว่าช่วงกลางนั้นเป็นสนามแบบที่เขาชื่นชอบ และเชื่อว่าจะทำผลงานได้ดี ส่วนบีญาเลสนั้นให้คำจำกัดความว่าเขาไม่คิดว่าสนามแห่งนี้จะมีมาตรฐานดีขนาดนี้ ซึ่งโดยรวมนักแข่งค่อนข้างประทับใจกับสนามแข่งมากทีเดียว


