ผู้จัดการรายวัน 360 - ไทยลีก 2018 เปิดฉาก ดวลแข้ง 9 คู่ เกมเปิดสนามแชมป์เก่า "ปราสาทสายฟ้า" ขอเปิดบ้านล้างแค้น "ราชันมังกร" หลังปีที่แล้วโดยทำแสบถึงถิ่น ส่วนไฮไลท์สำคัญ "กิเลน" ยกพลบุก "แข้งเทพ" ทำศึกบิ๊กแมตช์
ศึกฟุตบอลโตโยต้า ไทยลีก 2018 กลับมารูดม่านเปิดฉากอีกครั้งในช่วงสุดสัปดาห์นี้ โดยมีเกมเปิดหัวอยู่ที่สนามช้าง อารีน่า แชมป์เก่า "ปราสาทสายฟ้า" บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านดวล "ราชันมังกร" ราชบุรี มิตรผล วันที่ 9 ก.พ.นี้ แต่ไฮไลท์ในสัปดาห์แรกเป็นเกมในวัน 10 กุมภาพันธ์ เป็นการดวลกันระหว่าง "แข้งเทพ" ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด เปิดทรู สเตเดียม รับมือ "กิเลนผยอง" เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ซึ่งจะมีการทดลองใช้เทคโนโลยี VAR ในการช่วยผู้ตัดสินทำหน้าที่ในสนามเป็นครั้งแรกในลีกสูงสุดของไทย
ความพร้อมของทั้ง 2 ทีม เริ่มที่เจ้าถิ่น ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ทีมอันดับ 3 เมื่อปีก่อน ยังคงใช้บริการ มาโน่ โพลกิ้ง เทรนเนอร์ลูกครึ่งเยอรมัน-บราซิล ส่วนตัวผู้เล่นต่างชาติมีการเปลี่ยนแปลงแบบยกชุดด้วยการเซ็น 2 แข้งบราซิเลียน อย่าง เอฟเวอร์ตัน และวานเดอร์ หลุยส์ บวกกับอีกหนึ่งดาวยิงแซมบ้า ร็อบสัน และศูนย์หน้าโควต้าเอเชียลูกครึ่งอาร์เจนไตน์-ปาเลสไตน์ อย่าง คาร์ลอส ซาล็อม รวมไปถึงผู้รักษาประตูโควต้าอาเซียนลูกครึ่งเดนมาร์ก-ฟิลิปปินส์ อย่าง มิเชล ฟัลเคสการ์ด
ในขณะที่ผู้เล่นไทยยังคงเป็นหน้าเดิมๆ นำทัพโดย แอนโธนี "เพ็ชร" อำไพพิทักษ์วงศ์ ที่ปีนี้รับหน้าที่กัปตันทีม, สรรวัชญ์ เดชมิตร รองกัปตัน, จักรพันธ์ พรใส, มานูเอล ทอม เบียห์ร, ปกเกล้า อนันต์, มิก้า ชูนวลศรี, ธีรเทพ วิโนทัย และมีศูนย์หน้าดาวรุ่งตัวใหม่ สิทธิโชค กันหนู เข้ามาเสริมทีม ซึ่งในเกมนี้ "โค้ชมาโน่" ไม่มีปัญหาในการจัดตัว เพราะไม่มีรายงานผู้เล่นบาดเจ็บสามารถเลือก 11 ตัวจริงได้ตามสะดวก
ขณะที่ เอสซีจี เมืองทองฯ ภายใต้การคุมทีมของ "โค้ชแบน" ธชตวัน ศรีปาน รองแชมป์ฤดูกาลก่อน ที่เพิ่งอกหักกระเด็นตกรอบเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก หลังพ่าย คาชิว่า เรย์โซล 0-3 มีการเปลี่ยนแปลงทีมอย่างมากมายในฤดูกาลนี้ แต่ได้ผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาเสริม อย่าง "จาจ้า" แจ็คสัน โคเอลโญ่ ที่ซื้อขาดมาจาก โลเคอเรน ในลีกสูงสุดเบลเยียม, เจนรบ สำเภาดี จากโปลิศ เทโร เอฟซี รวมถึง กัมพล ปฐมอรรฆย์กุล, สุพร ปีนะกาตาโพธิ์ ที่กลับมาจากสัญญายืมตัว ประกอบกับแข้งหน้าเดิมที่ยังอยู่ นำโดย สารัช อยู่เย็น ที่ถูกตั้งเป็นกัปตันทีมในปีนี้, อดิศร พรหมรักษ์, ชาริล ชาปุย, ทริสตอง โด, พีระพัฒน์ โน้ตชัยยา, เฮแบร์ตี้ เฟร์นันเดซ, เซลิโอ้
ซึ่งในการจัดทัพเกมนี้ "โค้ชแบน" อาจเลือกใช้ สิโรจน์ ฉัตรทอง ลงเล่นในตำแหน่งตัวรุกร่วมกับ เฮแบร์ตี้ และจาจ้า ในขณะเดียวกันแผงหลังต้องเจอปัญหาเช่นกัน เซลิโอ้ ซานโตส บาดเจ็บจากเกมเอเชียที่บุกพ่ายคาชิว่า เรย์โซล เช่นเกียวกับ นาโออากิ อาโอยาม่า ปราการหลังญี่ปุ่นที่เจ็บอยู่ก่อนหน้านี้ อาจต้องส่ง นุกูลกิต ครุฑใหญ่ ลงเล่นคู่เซ็นเตอร์ร่วมกับ อดิศร พรหมรักษ์
สถิติการเจอกันของทั้งสองทีม คู่นี้ดวลกันมาทั้งหมด 15 นัด เป็นเมืองทองที่ดูดีกว่า เอาชนะไปได้ 9 นัด เสมอ 4 นัด แบงค็อก ชนะได้เพียง 2 นัด โดยการเจอกันเมื่อฤดูกาลที่แล้วเป็นเมืองทอง ที่เอาชนะได้ทั้งไปและกลับ โดยบุกมาเยือนที่นี่เอาชนะไป 4-2 และกลับไปเล่นที่เอสซีจี สเตเดียม เอาชนะไป 4-0 ขณะที่ในฟุตบอลโตโยต้า ลีกคัพ เมื่อปีก่อน เป็นเมืองทอง ที่เฉือนชนะไป 2-1
ส่วนอีกคู่เป็นเกมเปิดสนามในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ "ปราสาทสายฟ้า" บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แชมป์เก่า จะเปิดช้าง อารีน่า รับมือ "ราชันมังกร" ราชบุรี มิตรผล เอฟซี โดยเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ราชบุรี ทำเซอร์ไพรส์ บุกมาเฉือนชนะ บุรีรัมย์ ถึงถิ่น 4-3
บุรีรัมย์ ได้แข้งใหม่อย่าง เอ็ดการ์ บรูโน่ ดาวยิงบราซิเลียน และฮ็อง วู แซมสัน ศูนย์หน้าลูกครึ่งเวียดนาม-ไนจีเรีย เข้ามาเสริม รวมถึง ยู จุนซู มิดฟิลด์ตัวรับเกาหลีใต้ที่มาแทนที่ โก ซุลกี เพื่อนร่วมชาติที่กลับไปค้าแข้งยังบ้านเกิด ส่วนผู้เล่นไทยปีนี้เน้นใช้บริการเด็กจากอะคาเดมี่มากขึ้น ส่วนตัวหลักนำทัพโดย จักรพันธ์ แก้วพรม, สุเชาว์ นุชนุ่ม, พรรษา เหมวิบูลย์, นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม, สุภโชค สารชาติ
ด้าน ราชบุรี มิตรผล ปีนี้ได้ คริสเตียน ซีเก้ อดีตตำนานบาเยิร์น มิวนิค มาคุมทัพ แต่ในส่วนของนักเตะต้องเสีย เควิน ดีรมรัมย์ แบ็คซ้ายลูกครึ่งไปให้การท่าเรือ เอฟซี ส่วนผู้เล่นต่างชาติเปลี่ยนแปลง 3 คน นำโดย บิลล์, เฟลิเป้ เมเนเซส 2 ดาวเตะแซมบ้า คัง ซู อิล ดาวยิงเกาหลีใต้ รวมกับ โจเอล ซามี กองหลังดีอาร์ คองโก ที่อยู่กับทีมตั้งแต่ปีก่อน และยังได้ จิโอนาต้า เวร์ซูร่า ลูกครึ่งอิตาเลียน-ไทย จากอุบล มาเสริม เช่นเดียวกับ ประทุม ชูทอง กองหลังตัวเก่งที่ยืมตัวจากเชียงราย ยูไนเต็ด และกิตติพงษ์ ภูแถวเชือก ที่ยืมตัวจาก แบงค็อก ยูไนเต็ด
โดยคู่ระหว่าง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด บุกเยือน แบงค็อก ยูไนเต็ด แข่งขันวันเสาร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา 19.00น. ช่อง ทรูโฟร์ยู และทรูสปอร์ต เอชดี 2 ยิงสด ส่วนเกมเปิดสนามระหว่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พบ ราชบุรี มิตรผล แข่งขัน 9 กุมภาพันธ์ เวลา 19.00น. ช่องทรูโฟร์ยู, ทรูสปอร์ต 2 และทรูสปอร์ต เอชดี 2 ยิงสด
